อุปนิสัยการกิน ตอนที่ 3

วันนี้เราจะมาคุยกันต่อนะคะว่า อุปนิสัยการรับประทานอาหารที่ดีนั้นประกอบด้วยสิ่งใดบ้าง 1. การรับประทานอาหารเป็นเวลา และถ้าเป็นได้ควรรับประทานอาหารเวลาเดียวกันทุกวัน (CD169 CD 179.5 ปัญญาจารย์ 10:17) และไม่ควรรับประทานอาหารว่างระหว่างมื้อ (CD 180.1) แต่ถ้าหิวระหว่างมื้อให้ดื่มน้ำเปล่าค่ะ อาหารแต่ละมื้อควรห่างกันมื้อละ 5-6 ชั่วโมง (CD 173.4) มีคำแนะนำว่าการรับประทานอาหารวันละ 2 มื้อจะดีกว่า วันละ 3 มื้อค่ะ (CD 173.1) ทั้งนี้เราพบว่า อาหารแต่ละชนิดจะใช้เวลาในการย่อยไม่เท่ากัน ผลไม้ประมาณ 2 ชั่วโมง ผักประมาณ 5 ชั่วโมง ถ้าเป็นเนื้อสัตว์จะใช้เวลานานกว่านั้น นอกจากนี้ อาหารที่มีไขมันสูงยังทำให้กระเพาะย่อยอาหารได้ช้าลงด้วยค่ะ เพราะน้ำมันปริมาณจะไปปกคลุมอาหารในกระเพาะทำให้อาหารมัน เอนไซม์หรือน้ำย่อยที่จะย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่ ผลก็คือ ร่างกายต้องละลายไขมันและเจือจางความเป็นกรดก่อนจึงย่อยได้ค่ะ ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆก็คล้ายกับมือของเราที่มีน้ำมันเกาะอยู่ หยิบจับอะไรก็ลื่น มันไม่หมด ทำงานไม่ถนัด เราต้องละลายความมันด้วยสบู่และน้ำอุ่น ความมันจึงจะหมดไปและเราสามารถหยิบจับของได้ปกติค่ะ ถ้าปริมาณไขมันในอาหารมีไม่มากก็อาจมีผลเล็กน้อยต่อระยะเวลาการย่อย แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว อาหารทางตะวันตกมีไขมันเป็นส่วนประกอบสูงมาก จึงทำให้อาหารต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5-6 ชั่วโมงหรืออาจจะนานกว่านั้นในการผ่านจากกระเพาะอาหารไปสู่ลำไส้ค่ะ การเคี้ยวอาหารให้ละเอียด…

อุปนิสัยการกิน ตอนที่ 2

การมีอุปนิสัยการรับประทานอาหารที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญมากและมีผลต่อสุขภาพของท่านค่ะ เรามาฟังกันต่อนะคะว่า อุปนิสัยการรับประทานอาหารที่ดีนั้นประกอบด้วยสิ่งใดบ้าง การรับประทานอาหารเป็นเวลา และถ้าเป็นได้ควรรับประทานอาหารเวลาเดียวกันทุกวัน (CD169 CD 179.5 ปัญญาจารย์ 10:17) และไม่ควรรับประทานอาหารว่างระหว่างมื้อค่ะ ถ้าท่านตัดสินใจรับประทานอาหารวันละ 3 มื้อ โดยไม่มีอาหารว่าง ก็จะช่วยแก้ปัญหาสุขภาพต่อไปนี้ได้ค่ะ คือ ปัญหาอาหารไม่ย่อย นอนไม่หลับ สมองตื้อๆ น้ำหนักเพิ่ม และอาการเจ็บหน้าอกที่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า heart burn มีงานวิจัยหนึ่งเกี่ยวกับผลของการรับประทานอาหารระหว่างมื้อที่มีต่อสุขภาพของเรา น่าสนใจเชียวค่ะ นักศึกษามหาวิทยาลัยกลุ่มหนึ่งได้รับประทานอาหารเช้าซึ่งประกอบด้วย ซีเรียล ขนมปังปิ้ง ผลไม้ และไข่ 1 ฟอง ภายหลังจากมื้ออาหาร 4 ชั่วโมง ก็ได้ทำการทดสอบและพบว่า กระเพาะอาหารของพวกเขาว่างเปล่า หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ กระเพาะอาหารของพวกเขายังสามารถย่อยมื้อเช้าได้หมดภายใน 4 ชั่วโมง หลังจากนั้น  2-3 วันผ่านไป ผู้วิจัยก็ให้นักศึกษากลุ่มเดิมมารับประทานอาหารเช้าแบบเดิม แต่ครั้งนี้ภายหลังจากอาหารมื้อเช้า 2 ชั่วโมง ก็ให้นักศึกษากินอาหารว่าง บางคนกินแซนวิชเนยถั่วกับนม 1 แก้ว บางคนกินพายฟักทองกับนม 1…

อุปนิสัยการกิน ตอนที่ 1

เมื่อกล่าวถึงเรื่องอาหารการกิน เรามักจะกล่าวเน้นเป็นพิเศษในเรื่องของชนิดและประเภทอาหาร แต่โดยความเป็นจริงแล้ว การที่จะมีสุขภาพที่ดีนั้น นอกจากจะรับประทานอาหารที่ดีแล้ว ระบบการย่อยอาหาร และระบบการขับถ่ายยังต้องดีด้วยค่ะ เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน บางท่านที่รับประทานอาหารที่ดี กินผักสดและผลไม้สด แต่มีปัญหาท้องผูก เช่น ถ่าย 3 วันครั้ง เช่นนี้แล้ว อุจจาระที่ค้างอยู่ในลำไส้ ของเสียที่ควรจะถูกกำจัดทิ้งไปกลับถูกดูดซึมกลับเข้ามา และอาจจะก่อให้เกิดโรคแก่ตัวท่านได้ ในขณะเดียวกัน ท่านอาจจะรับประทานอาหารที่ดีมาก กินผัก ผลไม้และข้าวกล้อง แต่ท่านเป็นคนกินเร็ว ไม่เคี้ยวอาหารให้ดี อาหารดีๆที่ท่านรับประทานเข้าไปนั้น ก็อาจจะไม่เกิดประโยชน์เต็มที่เพราะกระเพาะอาหารของท่านไม่มีฟัน เลยต้องทำงานหนักในการย่อย ซึ่งอาจจะทำให้ย่อยอาหารและดูดซึมได้ไม่หมด ทำให้เกิดปัญหาท้องอืดและปัญหาอื่นๆตามมาได้ค่ะ ซึ่งการที่ร่างกายของเราจะย่อยอาหารได้ดีมากน้อยแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับอุปนิสัยการรับประทานของคนคนนั้นค่ะ ในหนังสือ counsel on diet and food หน้า 51 ได้ให้คำเตือนเรื่องอุปนิสัยการรับประทานอาหารของเราไว้อย่างน่าฟังว่า  “มีน้อยคนนักที่เข้าใจว่า อุปนิสัยในการรับประทานอาหารของเขามีผลอย่างมากเพียงไรต่อสุขภาพของเขา ลักษณะอุปนิสัยของเขา การที่เขาจะมีประโยชน์สำหรับโลกนี้ และชะตากรรมชีวิตนิรันดร์ของเขา” ฟังดูแล้วไม่น่าเชื่อเลยนะคะ แต่สิ่งนี้คือความจริงค่ะ เรามาดูกันนะคะว่า อุปนิสัยการรับประทานอาหารที่ดีนั้นควรจะประกอบด้วย การรับประทานอาหารเป็นเวลา และถ้าเป็นได้ควรรับประทานอาหารเวลาเดียวกันทุกวันค่ะ ไม่ควรรับประทานอาหารว่างระหว่างมื้อนะคะ แม้แต่ผลไม้สัก 1…

เลี้ยงลูกให้ถูกวิธีและมีความรับผิดชอบ

ครอบครัวที่มีลูกๆกำลังเติบโตจากเด็ก กำลังย่างเข้าวัยรุ่น  หนุ่มสาว     ก็ย่อมเป็นที่รัก หวงแหนดังแก้วตาดวงใจ   และมีความหวังอยากจะให้เขาเป็นคนดี   เป็นลูกที่มีความรับผิดชอบ  นำความชื่นชม เกียรติมาสู่ครอบครัว วงศ์ตระกูล   การเลี้ยงดูอบรมลูกจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก   การเลี้ยงลูกๆให้ถูกวิธีนั้น ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำหลักการซึ่งคนส่วนใหญ่นำไปใช้แล้วได้ผลดี  เราจึงนำมาแบ่งปันในที่นี้ หลักการที่ 1  : มอบหมายงานรับผิดชอบที่จริงจังแก่ลูกๆบ้าง และคาดหวังให้ลูกทำ การเรียนรู้อย่างตรงไปตรงมา  จะเปิดโอกาสให้ลูกๆได้ ลงมือทำงานจริงๆ     แล้วพวกเขาจะค่อยๆ สามารถรับภาระ และเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบได้ในภายหลัง      แม้จะมีลูกกี่คนก็ตาม  ไม่ว่าเพียงคนเดียว หรือ 3-4 คน ก็สามารถฝึกฝนให้เขาเติบโตและมีความรับผิดชอบได้   ถ้าตัดสินใจที่จะทำตามวิถีทางที่แนะนำนี้ พูดถึง การทำงาน  มิได้หมายความว่า  จะให้ลูกไปขุดดิน หรือแบกหาม  งานของเด็กวัย 5-8 ขวบ ได้แก่ เก็บข้าวของของตน(วันละ 3-4 ครั้ง)  จัดเตียงนอนของตัวเอง  ช่วยเช็ดโต๊ะ  ช่วยเก็บกวาดสิ่งที่เด็กทำเลอะเทอะ และให้อาหารสัตว์เลี้ยงก็ได้ ส่วนงานของเด็กวัย 9-12 ขวบ   ได้แก่  ให้เขาช่วยล้างจาน  เก็บพับเสื้อผ้าที่ซักแล้ว   ทำความสะอาดห้องนอนของตน…

การบริหารกล้ามเนื้อตา

การบริหารหรือการออกกำลังกล้ามเนื้อตา ไม่จำเป็นต้องทำทุกคนนะคะ การบริหารกล้ามเนื้อตาจำเป็นสำหรับบุคคลต่อไปนี้เท่านั้นค่ะ ได้แก่ 1. ไม่สามารถโฟกัสภาพเมื่ออ่านหนังสือ 2. มองเห็นภาพซ้อน (ในบางกรณี) 3. ตาเข ไม่ว่าจะเขออกนอกหรือเข้าใน 4. หลังรับการผ่าตัดดวงตา แพทย์จะใช้เพื่อช่วยคงการมองเห็นหรือช่วยให้ดวงตาตรง ไม่เขออก 5. มีภาวะตาขี้เกียจ การบริหารกล้ามเนื้อดวงตามีหลายวิธี โดยสรุปมักจะประกอบด้วยการบริหารกล้ามเนื้อเล็กๆที่อยู่รอบดวงตาและทำ หน้าที่กลอกดวงตาไปมาโดยการบริหารจะช่วยให้ฝึกให้การเคลื่อนไหวของดวงตา และการรับภาพที่สมองเป็นไปอย่างสัมพันธ์กัน ตัวอย่างการบริหาร เช่น – ใช้มือปิดตาข้างหนึ่ง และใช้ตาที่เหลือจ้องมองที่วัตถุที่ต่างๆ ใกล้ ไกลเปลี่ยนไปเรื่อยๆ  – เปิดตาสองข้าง มือถือปลายดินสอหรือปากกายืดออกเท่าความยาวช่วงแขน บังคับดวงตาให้จ้องมองที่ปลายปากกาโดยให้เห็นเป็นจุดๆเดียว แล้วค่อยๆเคลื่อนปลายปากกาเข้าใกล้ดวงตาขึ้นอย่างช้าๆ ในขณะเดียวกัน บังคับให้ดวงตาทั้งสองข้างมองตามมาและให้เห็นเป็นจุดเดียว ไม่ให้เกิดเป็นภาพซ้อนจนใกล้ดวงตามากที่สุด ทำเช่นนี้อย่างน้อย 10-20 ครั้งเป็นประจำทุกวัน เป็นการเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อในการมองใกล้ และช่วยให้ดวงตาตรงไม่เขออก ดิฉันอยากขอฝากข้อพระคัมภีร์ใน 1 โครินธ์ 2:9 ดังนี้ค่ะ “สิ่งที่ตาไม่เห็น หูไม่ได้ยิน และสิ่งที่มนุษย์คิดไม่ถึง  คือสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนที่รักพระองค์” พระเจ้าทรงมีสิ่งดีอีกมากมายนับไม่ถ้วน จัดเตรียมไว้ให้แก่เรา ท่านผู้ฟังอยากมีส่วนในพระพรนี้ไหมคะ ขอเชิญมารู้จักพระองค์สิคะ…

เข่าเสื่อม ครั้งที่ 4

จริงๆแล้ว ในพืชผักผลไม้ ธัญพืชและสมุนไพรต่างๆ พระเจ้าได้ทรงใส่สารอาหาร วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายของมนุษย์เอาไว้เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพของเรา ถ้าท่านผู้ฟังศึกษาพระคัมภีร์ท่านจะพบว่า ในครั้งแรกสุดที่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมานั้น อาหารของมนุษย์คือ ผลไม้ ธัญพืช เมล็ดต่างๆ ถั่วต่างๆ และนัท แต่เมื่อมนุษย์เริ่มทำบาป พระเจ้าก็ทรงอนุญาตให้มนุษย์รับประทานพืชผักต่างๆ จากทุ่งนา ซึ่งก็คือ ผักต่างๆ รวมถึงพวกหัวๆ เช่นเผือกหรือมัน และสมุนไพรต่างๆ นั่นเอง ถ้าเรารับประทานหรือนำมาใช้อย่างถูกต้องด้วยวิธีการที่เหมาสมะ ก็จะช่วยป้องกันการเกิดโรคหรืออาจจะช่วยบำบัดโรคของเราได้ค่ะ ธรรมชาติบำบัดวิธีหนึ่งที่พบว่าช่วยลดอาการปวดอักเสบของเข่าได้ก็คือ การประคบหัวเข่าที่ปวดด้วยกะหล่ำปลีค่ะ วิธีทำก็ง่ายๆ นะคะ ท่านเพียงแค่เด็ดกะหล่ำออกมาเป็นใบๆ  ล้างน้ำให้สะอาด ตัดตรงส่วนกลางที่แข็งทิ้งไป แล้วก็ตำใบกะหล่ำให้แหลกเละพอสมควรจนมีน้ำออกมา แล้วก็นำมาพอกรอบข้อเข่าตอนกลางคืนขณะนอนหลับค่ะ จำนวนใบที่ใช้ก็ขึ้นกับขนาดเข่าของท่านค่ะ  ท่านอาจจะพันทับด้วยกระดาษทิชชู่และ bandage ผ้ายืด หรือพันทับด้วยพลาสติก wrap ก็ได้ ซึ่งมีข้อดีคือ น้ำจะไม่แห้งเร็วจนเกินไป แต่ก็มีบางท่านอาจจะแพ้พลาสติกเกิดอาการคันได้ ท่านพันกะหล่ำปลีทิ้งไว้ทั้งคืนขณะนอนหลับ เมื่อตื่นเช้าขึ้นมา ท่านก็แกะกะหล่ำปลีที่ประคบอยู่ออกและอาบน้ำแต่งตัวตามปกติ ทำเช่นนี้ทุกคืนประมาณ 5-7 คืน ควบคู่ไปกับการปฏิบัติอื่นๆ ซึ่งรายการของเราได้นำเสนอไปล้ว ก็จะช่วยให้อาการปวดอักเสบลดลงได้ค่ะ อย่าลืมที่จะรับประทานผักโดยเฉพาะผักใบเขียวสดและผลไม้นะคะ ซึ่งจะมีวิตามินและเกลือแร่ช่วยลดอาการอักเสบได้ ควรจะลดเกลือ…

การเลี้ยงลูกให้เป็นอนาคตของชาติ

เราควรจะปลูกฝังบุคลิกภาพที่ดีและถูกต้องให้แก่บุตรหลานของเรา ซึ่งจะต้องเติบโตขึ้นเป็นคนของสังคม เป็นความหวังของชาติในอนาคต เราจะต้องขยายความคิดและความตั้งใจของเราให้กว้างขึ้นจากการที่เราเพียงแต่คิดว่าเราจะเลี้ยงเขาให้เป็นเด็กดี มีงานทำ เลี้ยงชีพตนเองได้และมีครอบครัวเท่านั้นก็พอ  เราจะต้องตั้งใจเพิ่มขึ้นอีกด้วยว่า เราจะเลี้ยงเขาให้เป็นความหวังของสังคมและเป็นอนาคตของชาติด้วย เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า ในสังคมของเรายังต้องการทรัพยากรบุคคลอีกมากที่จะมาช่วยกันสร้างสรรค์ความเจริญในด้านต่างๆ    อนาคตของชาติจะเป็นอย่างไรถ้าขาดคนที่มีคุณภาพ     เรามักจะคิดถึงคนที่เฉลียวฉลาด ซื่อสัตย์ ทำงานอย่างเสียสละอุทิศตนเองเพื่อสังคม   นี่เป็นเรื่องส่วนใหญ่ที่เราคิดถึงกันถ้าเราอยากเห็นภาพเช่นนั้น เราก็ควรจะปลูกฝังสอนลูกหลานของเราในด้านนั้นตามภาพที่เราอยากจะเห็นในอนาคต ให้เขาเป็นคนดีมีคุณธรรมและความรัก ประการแรกที่จะกล่าวถึงในที่นี้ก็คือ ความรัก  ความรักไม่ได้หมายถึงการให้หรือการรับแต่เพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการแบ่งปันกันด้วย  ทุกชีวิตต้องการความรักไม่ว่าจะเป็นที่รักหรือรักคนอื่น ความรักทำให้บุตรหลานของเรามีชีวิตชีวา มีพลังที่จะสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ และสังคมของเราก็จะเจริญงอกงามด้วยทรัพยากรบุคคลจะมีประสิทธิภาพไม่ได้ ถ้าหากว่าเราไม่ได้ฟูมฟักเขาด้วยความรักหรือพวกเขาไม่ได้เติบโตขึ้นภายใต้บรรยากาศแห่งความรัก    แท้จริงแล้วแหล่งแห่งความรักคือพระเจ้า เราสามารถที่จะรับเอาความรักแท้จากพระองค์ได้   ความรักเป็นความสัมพันธ์ เป็นสื่อสัมพันธ์ที่มอบให้แก่กันและกันทางจิตใจ ความรู้สึกและการแสดงออกที่ไม่สามารถจะทดแทนกันได้ด้วยสิ่งของหรือเกมส์คอมพิวเตอร์หรือมือถือราคาแพงๆได้   ความแห้งแล้งน้ำใจ  การทดแทนความรักด้วยวัตถุสิ่งของในเหล่านี้ อาจจะทำให้บุตรหลานเติบโตขึ้นมาแบบที่ไม่รู้จักว่าความรักคืออะไร  กลายเป็นผู้ใหญ่ที่รักใครไม่เป็น   แล้วสังคมของเราจะได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด     เราอาจจะเห็นมนุษย์คอมพิวเตอร์เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดก็ได้ การตัดสินใจ ตัดสินปัญหาก็คงจะอยู่ในลักษณะที่รวดเร็ว รุนแรงและเร่งด่วน ความเมตตาและความออมชอมคงจะหาพบได้ยาก   ฉะนั้นจงสละเวลาให้กับบุตรหลานบ้างในวันนี้ แสดงความรักต่อพวกเขาทั้งคำพูดและการกระทำ ก็เท่ากับช่วยอนาคตของพวกเขาและช่วยให้สังคมมีอนาคตที่สดใส  การให้เวลากับลูกอย่าลืมว่าคุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ ถ้ามีได้ทั้งสองอย่างก็จะยิ่งดี       เวลาที่เรามีอยู่อันน้อยนิดในปัจจุบัน เราควรจะให้แก่บุตรหลานบ้างด้วยการแสดงออกถึงความรักและความห่วงใยที่มีต่อชีวิตของพวกเขา มันจะประทับใจยิ่งกว่าอยู่ด้วยกันยาวนานเป็นวันๆ แต่เต็มไปด้วยการบ่นต่อว่า จับผิดดุด่าพวกเขา    ถ้าเป็นเช่นนั้นลูกหลานก็ไม่อยากใช้เวลาอยู่กับพ่อแม่ ในปัจจุบันสังคมของเราเต็มไปด้วยการแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น เห็นแก่ตัว…