วิธีประยุกต์บทบาทคู่สมรสสู่การปฏิบัติจริง(2)

พระคัมภีร์อธิบายว่า  การเป็นภรรยาที่ดีนั้นควรยอมฟังสามี  ไม่เห็นแก่ตัว     ดำเนินชีวิตอย่างบริสุทธิ์และเป็นที่น่านับถือ  หมายถึง เธอจะไม่พูดหรือทำอะไรทำให้สามีอึดอัด  ขายหน้า เสื่อมเสีย  แต่เธอจะห่วงใย  เสริมสร้าง  มีชีวิตที่วางใจได้   เพราะภรรยาที่ดีจะสัตย์ซื่อต่อสามีทั้งต่อหน้าและลับหลัง ส่วนเรื่องการแต่งกายของภรรยา   พระคัมภีร์แนะนำว่า   หญิงงามคือ  หญิงที่มีความงดงามและมีสง่าราศีภายใน   เป็นธรรมดาที่ผู้หญิงทั่วไปอยากจะสวย  อยากทันสมัย และดูดีในสายตาของคนอื่น   แต่ไม่ควรให้มากเกินไป  สาว ๆ บางคนแต่งกายรัดรูป เน้นส่วนสัด  เปิดตรงนั้น เว้าตรงนี้  เย้ายวนไปในทางเพศ  น่าเสียดาย เพราะผู้หญิงเหล่านั้น ไม่เข้าใจถึงคุณค่าของความเป็นผู้หญิงอย่างแท้จริง นั่นเอง แรดตัวเมียมันหาคู่อย่างไร  ธรรมชาติของแรดเป็นสัตว์ที่มีสายตาสั้น  เมื่อแรดตัวเมียเห็นแรดตัวผู้ที่มันชอบ  มันจะก้าวถอยหลังก่อน  แล้วจึงวิ่งตรงรี่เข้าใส่ด้วยความเร็วประมาณ 50  กม./ชม. โดยมันจะพุ่งเข้าชนที่สีข้างของตัวผู้เพื่อให้ล้มลง  จากนั้นแรดตัวเมียก็จะเริ่มปฏิบัติการโดยเข้าไปทั้งเตะ ถีบจนแรดตัวผู้ ช้ำระบมไปหมด  นี่เป็นวิธีสื่อให้แรดตัวผู้ ได้รู้ว่า เธอรักเขาจริง ๆ สำหรับคุณสุภาพสตรีที่น่ารัก ไม่สมควรจะทำเช่นนั้นกับผู้ชายที่เป็นแฟนของตน  แต่ควรปฏิบัติด้วยความนุ่มนวล สุภาพอ่อนโยนและมีความเมตตากรุณา    เพราะสิ่งเหล่านี้คือ คุณลักษณะที่ดีของสุภาพสตรี  เธอควรพัฒนาความงามภายในที่แสดงออกด้วยความเป็นกุลสตรี  มีความสุภาพอ่อนน้อม  รู้จักคิดอย่างสร้างสรรค์และแสดงออกด้วยเหตุผล …

ตัวอย่างอิสอัคและโมเสส

มีเรื่องของบุคคล 2 คนในพระคัมภีร์ที่สะกิดใจดิฉัน จนอยากจะนำแบ่งปันท่านผู้อ่านวันนี้ค่ะ บุคคลแรกมีชื่อว่า อิสอัค อิสอัคเป็นลูกที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ว่าจะประทานให้แก่อับราฮัม และพระองค์ได้ทรงประทานให้จริงๆ ว่ากันไปแล้ว การเกิดของอิสอัคนับว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ที่วงการแพทย์อธิบายไม่ได้นะคะ เพราะขณะที่นางซาราห์ภรรยาของอับราฮัมตั้งครรภ์นั้น เธอมีอายุ  90 ปี เรียกว่าชราแล้วและประจำเดือนก็หมดไปแล้วด้วย (ปฐมกาล 18:11) ขณะที่มีบุตรนั้น อับราฮัมอายุ 100 ปีค่ะ เมื่ออิสอัคแก่ตัวลง ตาของท่านก็มัว มองไม่เห็น ถ้าเปรียบเทียบกับปัจจุบันแล้ว ท่านผู้ฟังก็คงจะคิดว่า สิ่งนี้เป็นเรื่องปกติของผู้อาวุโส แต่ท่านผู้ฟังทราบไหมคะว่า อาหารที่อิสอัคชอบคืออะไร ให้เรามาอ่านกันจากพระคำ ปฐมกาล 27:1-4 นะคะ พระคัมภีร์กล่าวว่า “เมื่ออิสอัคแก่ตามัว ท่านก็เรียกเอซาวบุตรคนโตของท่านมา และกล่าวแก่เขาว่า  “ลูกเอ๋ย” เขาตอบว่า “ขอรับ” ท่านว่า “ดูเถิด พ่อแก่แล้ว พ่อไม่รู้วันตายของพ่อ เจ้าจงเอาอาวุธของเจ้า คือแล่งธนูและคันธนูออกไปที่ท้องทุ่ง หาเนื้อมาให้พ่อ จัดเตรียมอาหารอร่อยมาให้พ่อ อย่างที่พ่อชอบนั้น แต่นำมาให้พ่อกิน เพื่อจะได้อวยพรแก่เจ้าก่อนพ่อตาย” อิสอัคให้บุตรชายคนโปรดไปล่าเนื้อเพื่อมาทำอาหารที่เขาชอบ อาหารที่อิสอัคชอบรับประทานก็คือเนื้อสัตว์นั่นเอง คราวนี้มาฟังถึงเรื่องราวของบุคคลอีกท่านหนึ่งในพระคัมภีร์นะคะ นั่นก็คือ โมเสส…

วิธีประยุกต์บทบาทคู่สมรสสู่การปฏิบัติจริง(1)

เราคงไม่อยากเห็นคู่สมรสใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันโดยมีแต่วิชาการหรือหลักการเท่านั้น แต่เราควรประยุกต์หลักการ มาสู่การปฏิบัติจริง  เพื่อจะทำให้ครอบครัวของเรามีความสงบสุขและมั่งคงยั่งยืนอย่างแท้จริง   พระคริสต์ธรรมคัมภีร์ได้ให้แนวทางในการทำหน้าที่ของภรรยาและสามีไว้ดังนี้ว่า “ฝ่ายภรรยาจงยอมฟังสามีของตน  เหมือนยอมฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า  เพราะว่าสามีเป็นศีรษะของภรรยา เหมือนพระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร  ซึ่งเป็นพระกายของพระองค์  และพระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของคริสตจักร  คริสตจักรยอมฟังพระคริสต์ฉันใด  ภรรยาควรยอมฟังสามีทุกประการฉันนั้น  ฝ่ายสามีจงรักภรรยาของตน  เหมือนอย่างที่พระคริสต์ทรงรักคริสตจักร      และทรงประทานพระองค์เอง เพื่อคริสตจักร  เพื่อจะได้ทรงทำให้คริสตจักรบริสุทธิ์”    ( เอเฟซัส 5: 22-33) “ เพื่อพระพระองค์จะได้มีคริสตจักรที่มีสง่าราศี  ไม่มีตำหนิริ้วรอยหรือมลทินใด ๆ เลย       แต่บริสุทธิ์ปราศจากตำหนิ  เช่นนั้นแหละ สามีจึงควรรักภรรยาของตน  เหมือนเหมือนกับรักกายของตนเอง  ผู้ที่รักภรรยาของตนก็รักตนเอง  เพราะว่าไม่มีผู้ใดเกลียดชังเนื้อหนังของตนเอง  มีแต่เลี้ยงดูแลทะนุถนอมเหมือนพระคริสต์ทรงกระทำแก่คริสตจักร  เพราะว่าเราเป็นอวัยวะแห่งพระกายของพระองค์    เพราะเหตุนี้ผู้ชายจึงละบิดามารดาของตนไปผูกพันอยู่กับภรรยา  และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้ออันเดียวกัน ” เราจะนำความจริงเหล่านี้   มาประยุกต์ใช้ในชีวิตของตน    โดยไม่ต้องห่วงถึงบทบาทของอีกฝ่ายหนึ่ง  แต่ให้มีใจจดจ่ออยู่กับบทบาทในชีวิตสมรสของตนเองว่า  ได้เป็นไปตามที่พระคัมภีร์สอนไว้หรือยัง  เราส่วนมาก มักยกเอาคำสอนของพระคัมภีร์มาบังคับให้อีกฝ่ายหนึ่งปฏิบัติ  แต่ไม่ชอบนำมาใช้ปฏิบัติกับตนเอง  เช่น  ภรรยาบางคนอาจจะโต้ตอบว่า   ” ดิฉันยินดีจะเชื่อฟังสามี  ถ้าเขารักดิฉันอย่างที่ดิฉันต้องการ ”  การตั้งเงื่อนไขเช่นนี้ ก็เท่ากับเป็นการบอกว่า…

ต้อกระจก ตอนที่ 2

โรคต้อกระจก เป็นปัญหาทางสายตาที่มีผลต่อประชาชนมานานแล้วนะคะ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ทำให้มีปัญหาสายตาพร่ามัว การมองเห็นลดลง บางรายอาจจะเกิดโรคต้อหินเฉียบพลันแทรกซ้อนทำให้ตาบอดในที่สุดได้ค่ะ ต้อกระจก คือโรคที่เกิดจากความขุ่นมัวของเลนส์แก้วตาธรรมชาติซึ่งปรกติจะใส สำหรับสาเหตุของโรคต้อกระจกนั้นมีหลายสาเหตุนะคะ ส่วนใหญ่เป็นการเสื่อมตามวัยค่ะ อายุที่มากขึ้นเลนส์แก้วตาก็จะเริ่มหนาและแข็งขึ้นที่จุดกึ่งกลาง ทำให้มีผลต่อความสามารถในการปรับสายตา สาเหตุอื่นๆที่พบได้เช่น โรคแทรกซ้อนทางตาบางชนิด เช่น โรคต้อหิน ผลจากยาบางชนิด เช่น สเตอรอยด์ โรคที่ผิดปกติทางพันธุกรรมหรือทางเมตาบอลิค โรคที่เกิดจากการขาดอาหาร อุบัติเหตุ การอักเสบทั้งจากการติดเชื้อและไม่ติดเชื้อ การรับรังสีก็ทำให้เกิดต้อกระจกได้ เด็กที่เกิดจากมารดาที่ติดเชื้อหัดเยอรมันในระยะตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก เป็นต้น นอกจากนี้ หากเกิดร่วมกับบางโรคอาจทำให้เลนส์ขุ่นขึ้นได้เร็วกว่าปกติ เช่น เบาหวาน เป็นต้นค่ะ อาหารมีส่วนสำคัญนะคะ การรับประทานอาหารที่มีอนุมูลอิสระมาก เช่น ของทอด เนื้อสัตว์ ก็จะเร่งให้เกิดต้อกระจกเร็วขึ้นค่ะ สำหรับการรักษาด้วยยานั้น : บางกรณีก็ใช้ได้ผลคือทำให้เลนส์ที่ขุ่นใสขึ้นได้ หรืออย่างน้อยก็ทำให้การขุ่นที่ค่อยๆมากขึ้นนั้น ขุ่นช้าลงกว่าเดิม แต่ไม่ค่อยได้ผลถ้าเลนส์ขุ่นมากแล้ว มักใช้ในกรณีที่เริ่มเป็นน้อยๆมากกว่า การรักษาที่ได้ผลส่วนใหญ่จึงยังคงเป็นการผ่าตัดค่ะ สิ่งที่ผู้ป่วยต้อกระจกทุกรายคาดหวังเมื่อตัดสินใจเข้ารับการรักษาก็คือ การกลับมามองเห็นได้ดีเหมือนหรือใกล้เคียงปรกติมากที่สุด นอกเหนือจากปัจจัยที่เกี่ยวกับพยาธิสภาพที่ตาแล้ว เทคนิคการผ่าตัด และการเลือกค่าสายตาและชนิดของเลนส์แก้วตาเทียมให้เหมาะสมกับตาที่รับการผ่าตัดของผู้ป่วยแต่ละรายก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้หลังผ่าตัด ผู้ป่วยมองเห็นได้ดีมากน้อยเพียงใด ปัจจุบันการผ่าตัดแบ่งเป็น 2 วีธี คือ การผ่าตัดเพื่อนำเลนส์แก้วตาออกมา…

โรคต้อกระจก ตอนที่ 1

การที่คนเรามองเห็นได้นั้น เกิดจากการทำงานร่วมกันของเลนส์สองชนิดในการรวมแสงให้ไปตกบนจอประสาทตา เลนส์ที่อยู่ด้านหน้า เรียกว่า “กระจกตา” ส่วนเลนส์ที่อยู่ด้านใน เรียกว่า “เลนส์แก้วตา” ค่ะ กระจกตาและเลนส์แก้วตาจะรวมแสงที่เข้ามาในดวงตาเพื่อให้ไปตกบนจอประสาทตาเป็นจุดเดียว หลังจากนั้นแสงจะถูกส่งเป็นสัญญานไฟฟ้าไปที่สมองเพื่อตีความหมายเป็นภาพที่เห็นตรงหน้า นี่คือการทำงานของร่างกายอันอัศจรรย์ของเรา ที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นมา วันนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่องต้อกระจกค่ะ ต้อกระจก เป็นปัญหาทางสายตาที่มีผลต่อประชาคมโลกมานานแล้ว WHO ประเมินว่าทั่วโลก หกพันล้าน มีคนตาบอดประมาณ 35-40 ล้าน ซึ่งเป็นผลงานของต้อกระจกและโรคแทรกของมันถึง 45% โดยเฉพาะในแถบประเทศที่ไม่ร่ำรวยนักซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณที่มีแสงแดดจัด ต้อกระจก คือ ภาวะที่เลนส์แก้วตาซึ่งอยู่ในตาของคนเรา ซึ่งปกติจะมีลักษณะใสเหมือนกระจกจะเริ่มขุ่นมัวขึ้นทำให้ความสามารถในการมองเห็นลดลง อาการที่พบได้ คือ สายตาพร่ามัว ซึ่งมองเห็นไม่ชัดเจน เหมือนมีอะไรมาบังภาพบางส่วนไว้ ซึ่งจะเกิดขึ้นช้า ๆ โดยไม่มีอาการปวดตาร่วมด้วย บางท่านจะมองเห็นภาพซ้อนเหมือนมีวัตถุปกติมากกว่าหนึ่งอัน ทั้งที่มองด้วยตาข้างเดียว ตาไม่สู้แสง นอกจากนี้การแยกความแตกต่างของความมืด-สว่างเมื่ออยู่ในที่แสงจ้า หรือการมองดวงไฟในเวลากลางคืนจะทำได้ลดลง เมื่อเป็นมากขึ้นต้อกระจกจะเริ่มรบกวนการปฏิบัติภารกิจประจำวัน เช่น การขับรถ การอ่านหนังสือที่ยากขึ้น เป็นต้น หากทิ้งไว้นานโดยไม่รักษาอาจเกิดโรคต้อหินเฉียบพลันแทรกซ้อนทำให้ตาบอดในที่สุด อย่าลืมตรวจการมองเห็นของดวงตาทั้งสองข้างของท่านทุกวันนะคะ

ใครเป็นผู้นำครอบครัวกันแน่

–   ทำไมทุกวันนี้หลายครอบครัวจึงขาดผู้นำ         –   พระคัมภีร์ระบุถึงบทบาทของภรรยาไว้อย่างไร –   การยอมฟังสามีหมายความว่าอะไร                  –   การรักภรรยาหมายความว่าอะไร สังคมไทยในปัจจุบัน มีความสับสนกับบทบาท และความรับผิดชอบของภรรยาในฐานะแม่   และสามีในฐานะพ่อเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าใครเป็นหัวหน้าครอบครัวกันแน่  หรือจำเป็นต้องมีหัวหน้าครอบครัวด้วยหรือ   สมมุติว่า มนุษย์ต่างดาว เหินเวหาข้ามฟ้ามาจอดยานอวกาศหน้าบ้านคุณ  ก้าวลงจากเครื่อง แล้วกดกริ่ง  ลูกสาวคุณออกไปเปิดประตูให้ มนุษย์ต่างดาวนั้นพูดว่า “พาฉันไปหาหัวหน้าหน่อย”  ลูกคุณจะพาเขาไปหาใคร  ไปหาพ่อ หรือแม่ หรือ ไปหาทั้งคู่  หรือเด็กจะอ้างว่า ตัวหนูนี่แหละ คือหัวหน้า    ทุกวันนี้ใครเป็นหัวหน้าหรือผู้นำในครอบครัว สมัยนี้ ดูเหมือนว่าสามีหรือพ่อมีภาพพจน์ใหม่  คือ รับบทเป็นผู้หาเลี้ยงครอบครัว และมอบหน้าที่อื่นๆทั้งหมดให้ภรรยาสั่งการและตัดสินใจ   ส่วนตัวสามีนั้นได้ละเลยความรับผิดชอบของการเป็นผู้นำครอบครัวไป  ผันตัวเองกลายมาเป็นผู้ช่วยภรรยาแทน           อีกสาเหตุหนึ่ง ก็เพราะหลายครอบครัวคิดว่า ต้องอยู่ด้วยกันแบบประชาธิปไตย   ทุกคนรวมทั้งลูกมีสิทธิ์โหวดเสียงเท่า ๆ กัน         การทำอย่างนี้ถูกต้อง หรือสอดคล้องกับพระคัมภีร์หรือไม่   คริสเตียนหลายครอบครัวเกือบบ้านแตกสาแหรกขาดเพราะขาดผู้นำ  เนื่องจากมองข้ามคำสอนที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ จากเรื่องราวข้างต้น หลายครอบครัวขาดผู้นำที่เป็นผู้ชาย  เพราะสามีมักทุ่มตัวให้กับอาชีพการงานมาก จนละเลยหน้าที่สำคัญในการเป็นผู้นำของเขา  ประสบการณ์และข้อสังเกตของคุณ  คุณเห็นด้วยหรือไม่…

การแต่งงาน คือความสัมพันธ์ใหม่

พระคัมภีร์  กล่าวว่า “เพราะเหตุนั้น ผู้ชายจึงจากบิดามารดาของตน ไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้ออันเดียวกัน” (ปฐก. 2:24)  คำว่า “จากไป”  หมายถึง  การละจากความสัมพันธ์ซึ่งเคยมีมาแต่เดิมกับพ่อแม่ เป็นการละจากพ่อแม่เพื่อไปสร้างความสัมพันธ์ใหม่หรือตั้งครอบครัวใหม่    แต่น่าเสียดายหลายคนไม่ได้  “ละจากความสัมพันธ์” ที่มีกับพ่อแม่ของเขา    เมื่อแต่งงานไป แม้ร่างกายจะจากพ่อแม่ไปอยู่กับคู่สมรส  แต่จิตใจเขายังยึดติดอยู่กับพ่อแม่  ซึ่งตามจริงแล้วควรยึดติดกับคู่สมรสต่างหาก ที่สมควรเข้ามาแทน การละจากไม่ได้หมายความว่า ให้เขาละเลย  ทอดทิ้ง หรือ ไม่ให้เกียรติพ่อแม่ของตนอีกต่อไป   แต่สามีและภรรยาจำต้องละจากความสัมพันธ์ที่เคยยึดติดอยู่กับพ่อแม่  เป็นการออกจากการครอบครองของพ่อแม่ในครอบครัวเดิม เพื่อมาดูแลและรับผิดชอบต่อคู่สมรสของตน ในครอบครัวใหม่ นั่นเอง ส่วน “การผูกพัน” ของคู่สมรส เป็นการเชื่อมกัน เกาะกัน  ติดกัน  ฉะนั้นเมื่อผู้ชายไปผูกพันอยู่กับภรรยา  เขาทั้งสองก็จะเป็นเนื้อเดียวกัน    คำว่า “เนื้อเดียวกัน”  ตามที่พระคัมภีร์ใช้นี้ เป็นคำที่สวยงาม หมายถึง  การเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ตลอดไปของชีวิตสมรสตามพระประสงค์ของพระเจ้า    การเป็นเนื้อเดียวกัน หมายถึง การเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในลักษณะที่พิเศษ  คือ คู่สมรสต่างทุ่มเท ทั้งตัวและหัวใจทั้งหมด เพื่อร่วมชีวิตอย่างสนิทสนม แนบแน่นในทุกด้าน โดย มีความสัมพันธ์…

อาหารเป็นพิษ

วันนี้มีเรื่องของหลานสาวมาเล่าให้ฟังค่ะ เมื่อตอนที่หลานสาวของดิฉันอายุประมาณ 3 ½ ปี บ่ายวันหนึ่งคุณครูที่โรงเรียนโทรมาหาน้องสาวของดิฉัน บอกว่า ลูกสาวอาเจียนหลายครั้งและร้องไห้ น้องสาวของดิฉันก็ออกจากที่ทำงานไปรับลูกที่โรงเรียน พบว่า เด็กน้อยอาเจียนหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายมีน้ำเขียวๆ ออกมาด้วย ไม่มีไข้ ไม่ท้องเสีย ดิฉันมีโอกาสคุยกับน้องสาว ก็ถามยืนยันว่า หลานสาวร้องไห้หลังจากอาเจียนใช่ไหม  ไม่ใช่อาเจียนหลังจากร้องไห้นะ ที่ถามเช่นนี้เพราะว่า ในเด็กเล็กนั้น ปัญหาการอาเจียน อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ที่พบบ่อยๆ เช่น โรคทางเดินอาหารอักเสบเฉียบพลัน (gastroenteritis) เด็กก็อาจจะมีทั้งอาการอาเจียนและถ่ายเหลว การแพ้อาหาร การติดเชื้อหวัดไวรัสต่างๆ ก็ทำให้อาเจียนได้ ความเครียดวิตกกังวล เช่นเด็กพึ่งเข้าโรงเรียนต้องมีการปรับตัวมาก ก็ทำให้อาเจียนได้ อาหารเป็นพิษ  การกินมากเกินไป หรือแม้แต่การร้องไห้มากๆ ก็ทำให้เด็กอาเจียนได้นะคะ รวมไปถึงโรคที่ต้องรักษาอย่างรีบด่วน เช่น สมองอักเสบและมีความดันในสมองสูง ซึ่งนอกจากอาเจียนแล้ว มักจะมีไข้ อาการอื่นๆ รวมทั้งอาการซึมร่วมด้วย เนื่องจากหลานไม่มีไข้ ไม่ซึม ชีพจรก็ปกติไม่มีลักษณะขาดน้ำ พอหยุดอาเจียนก็ดูร่าเริงดี ดิฉันกับน้องก็เลยใจเย็น และคิดว่า อาจจะเป็นจากอาหารที่กินเข้าไป ดิฉันถามหลานสาวทางโทรศัพท์ว่า ครั้งสุดท้ายที่อาเจียนสีเขียวๆ นั้นมีรสขมหรือเปล่า…

การดูแลดวงตา

กล้ามเนื้อตาล้า คือการปวดหัว ปวดตา ที่เกิดขึ้นเวลาทำงานที่ต้องใช้สายตาใกล้ในงานละเอียด เนื่องจากตาทำงานใช้สายตาใกล้ๆนานๆไม่ได้ เรียกว่าดวงตาเกิดภาวะตึงเครียดขึ้น ซึ่งอาจตามด้วยความยากลำบากในการโฟกัสภาพหรือมองเห็น นอกจากนี้ปัญหาตาแห้ง ปวดศีรษะ การทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์หรือเครื่องฉาย-แสดงข้อมูล จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการกล้ามเนื้อตาล้า และนำไปสู่โรคการมองเห็น อันเนื่องมาจากคอมพิวเตอร์ได้ ท่านควรเข้ารับการตรวจสายตาอย่างน้อยปีละครั้ง หรือมากกว่านั้นหากสายตามีปัญหานะคะ อาการที่บ่งบอกถึงปัญหาทางสายตามีดังนี้ค่ะ มีปัญหาในการใช้สายตาหรือการอ่าน เห็นภาพซ้อน มีอาการปวดศีรษะเมื่อต้องใช้สายตามาก วิงเวียนหน้ามืดง่าย เจ็บปวดบริเวณดวงตา น้ำตาไหลบ่อยๆ หรือตาแห้งค่ะ สำหรับเคล็ดลับเพื่อลดอาการกล้ามเนื้อตาล้าจากการใช้งานคอมพิวเตอร์มีดังนี้ค่ะ จัดโต๊ะทำงานให้ได้ระยะ เพื่อให้ระยะห่างระหว่างตัวท่านผู้ฟังกับหน้าจอที่พอเหมาะคือประมาณ 50-70 ซม. โดยที่ท่านสามารถนั่งในท่าทางที่สบายและถูกสุขลักษณะ สายตาของท่านผู้ฟังควรอยู่ในระดับขอบบนของหน้าจอคอมพิวเตอร์ค่ะ ในกรณีที่ท่านผู้ฟังต้องพิมพ์งานจากเอกสารนะคะ ท่านควรกำหนดระยะห่างระหว่างเอกสารกับดวงตาให้เท่ากันกับระยะห่างจากดวงตากับคอมพิวเตอร์ เพื่อไม่ให้ประสาทตาต้องปรับระยะโฟกัสอยู่บ่อยครั้ง หรือจะหาที่วางเอกสารสูงเท่าหน้าจอมาวางไว้ข้างๆ จอคอมพิวเตอร์ก็ใช้ได้เช่นกันค่ะ ปรับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะกับสายตาของตัวเอง และดูให้แน่ใจว่าความสว่างของหน้าจอ และความสว่างของสภาพแวดล้อมหลังจอนั้นใกล้เคียงกัน ดวงตาจะได้ไม่ต้องปรับตัวทุก 5 วินาที เช่น ไม่ควรวางหน้าจอไว้ด้านหน้าต่างหรือมุมที่มืดทึบค่ะ ถ้าท่านผู้ฟังใช้แสงสว่างจากโคมไฟส่องไปยังหน้าจอ ควรให้แสงมาจากด้านบนหรือด้านหลังของท่านค่ะ และความสว่างที่เหมาะสมอยู่ที่ระดับ 300-500 Lux  ควรติดแผ่นกรองแสงที่หน้าจอด้วยค่ะ ท่านควรเลือกขนาดและแบบตัวอักษรสำหรับใช้งานที่ทำให้ท่านรู้สึกสบายตา ขนาดที่เล็กเกินไปจะเป็นสาเหตุของความดันโลหิตและความเครียดสูงได้ เติมระดับความชื้นในอากาศ โดยวางแจกันดอกไม้หรือกระถางต้นไม้เล็กๆ ไว้ใกล้ๆ หรือสเปรย์น้ำขึ้นไปในอากาศ…

ชีวิตสมรสแบบคริสเตียน

ขณะที่ครอบครัวในสังคมไทย  กำลังเปราะบางและมีปัญหาเกิดขึ้นมากมาย  เราจะทำอย่างไรเพื่อจะให้ชีวิตครอบครัว ยั่งยืนและมีความสุข       แต่สิ่งนี้จะเป็นจริงได้  เมื่อทุกคนในครอบครัวมีความรักและสติปัญญาจากพระเจ้า รวมทั้งมีกำลังใจในการใช้ชีวิตร่วมกัน     ดังนั้น ความรัก สติปัญญาและกำลังใจ จึง เป็นสิ่ง จำเป็น และสำคัญมากในการดำเนินชีวิตครอบครัว ผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมวิทยาบางคน ได้บอกว่า   ชีวิตการแต่งงานแบบซึ่งเราคุ้นเคยกันมานาน  กำลังจะหายไป    อัตราการหย่าร้างสูงขึ้นทุกปี     แม้แต่คู่ที่ทุกคนบอกว่า   “สมกัน ยังกับ กิ่งทองใบหยก” ก็ยังไม่ยกเว้น คือ ทั้งทองและหยก หลุดหายไปหมด ไม่เหลือเลยแม้แต่กิ่งหรือใบ มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ  3  ประการ  ที่เกิดขึ้นในชีวิตสมรสทุกวันนี้   คือ ความเข้าใจกันระหว่างคู่สมรสน้อยลง ขาดความตั้งใจที่จะอยู่ด้วยกันตลอดไป คาดหวังในชีวิตสมรสสูงเกินความเป็นจริง ประการที่1.  การไม่ค่อยเข้าใจกัน  มักมีสาเหตุเกิดมาจาก  การขาดการสื่อสารที่ดีต่อกัน      สามีภรรยาหลายคู่มีจุดบกพร่องในการติดต่อสื่อสารกัน  ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งต่อการครองชีวิตสมรสให้ยืนยาว  การมีความเข้าใจกัน  ไม่ใช่มีความคิดเห็นพ้องต้องกันทุกเรื่อง  แต่หมายถึง ทั้งคู่สามารถพูดคุยปรึกษาหารือกัน ในจุดต่างนั้น      สามารถเข้าใจและยอมรับความคิดเห็นของอีกฝ่ายหนึ่งได้เป็นอย่างดี  เพราะชีวิตแต่ละคนเติบโตมาจากพื้นเพครอบครัวที่ต่างกัน    และมีประสบการณ์ชีวิตที่ได้รับมาต่างกัน จึงมีความคิดและวิธีปฏิบัติที่แตก ต่างกัน ไม่ได้ปรับตัวเข้าหากัน เรื่องสำคัญหลายเรื่อง  การที่สองคนรักกัน…