ห้องเด็กเล่น ตอนที่ 70
ผู้ช่วยพิเศษ7คน
2 ทิโมธี 1 : 2 – 7 ถึง ทิโมธีบุตรที่รักของเรา ขอพระคุณและพระเมตตา และสันติสุขจากพระบิดาเจ้า และพระเยซูคริสตเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา จงดำรงอยู่กับท่านเถิด 3 เมื่อข้าพเจ้าระลึกถึงท่านในการอธิษฐานอยู่เสมอนั้น ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าซึ่งข้าพเจ้าได้รับใช้ด้วยจิตสำนึกอันบริสุทธิ์เช่นบรรพบุรุษของข้าพเจ้า 4 ขณะเมื่อระลึกถึงน้ำตาของท่าน ข้าพเจ้าก็ปรารถนาทั้งวันทั้งคืนที่จะได้พบท่าน ซึ่งจะทำให้ข้าพเจ้ายินดีอย่างยิ่ง 5 ข้าพเจ้าระลึกถึงความเชื่ออย่างจริงใจของท่าน อันเป็นความเชื่อซึ่งเมื่อก่อนได้มีอยู่ในโลอิสยายของท่าน และในยูนีสมารดาของท่าน และบัดนี้ข้าพเจ้าเชื่อว่ามีอยู่ในท่าน 6 อันของประทานของพระเจ้าซึ่งมีอยู่ในท่าน โดยที่ข้าพเจ้าได้เอามือวางบนท่านนั้น ขอเตือนว่าท่านจงกระทำให้รุ่งเรืองขึ้น 7 เพราะว่าพระเจ้ามิได้ทรงประทานจิตที่ขลาดกลัวให้เรา แต่ได้ทรงประทานจิตที่กอปรด้วยฤทธิ์ ความรัก และการบังคับตนเองให้แก่เรา ความมั่นใจในการทรงเรียกให้เป็นผู้รับใช้ คริสเตียนจะรับใช้พระเจ้าอย่างเกิดผลสูงสุด จะต้องรับใช้ตามการทรงเรียกของพระเจ้า ซึ่งสิ่งที่ อ.เปาโลกล่าวถึงทิโมธีในตอนนี้ เป็นการย้ำเตือนทิโมธีให้มีความมั่นใจในการทรงเรียกในชีวิต เพราะความมั่นใจจะทำให้ไม่เกิดการสั่นคลอนในการรับใช้ เมื่อเรามีความมั่นใจเราก็จะทำให้การทรงเรียกสำเร็จในชีวิตของเรา และสิ่งที่พระเจ้าทำให้เกิดกับเรา ที่ทำให้เรามั่นใจในการทรงเรียก คือ การสร้างชีวิตฝ่ายวิญญาณ (ข้อ 2-4) อ.เปาโลเรียกทิโมธีว่า ‘บุตรที่รักของเรา’ และเป็นผู้ที่ทำให้ทิโมธีได้มีโอกาสมารับใช้พระเจ้า รับการสร้างและฝึกฝนชีวิตในทางพระเจ้า (กจ.16:1) ทิโมธี เป็นดังศิษย์คนสนิทที่รับการสอนสร้าง…
1 ทิโมธี 1: 1 จาก เปาโล อัครทูตของพระเยซูคริสต์ ตามพระบัญชาของพระเจ้าผู้ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา และพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นความหวังของเรา 1 เปโตร 2 : 9 “แต่ท่านทั้งหลายเป็นชาติที่พระองค์ทรงเลือกไว้แล้ว เป็นพวกปุโรหิตหลวง เป็นประชาชาติบริสุทธิ์ เป็นชนชาติของพระเจ้าโดยเฉพาะ เพื่อให้ท่านทั้งหลายประกาศพระบารมีของพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกท่านทั้งหลายให้ออกมาจากความมืด เข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์” ความสำคัญของการทรงเรียกเป็นผู้รับใช้ (2ทธ.1:1) พระธรรม 2ทิโมธี เป็นจดหมายฝากที่ อ.เปาโลเขียนไปยังทิโมธี เมื่อเวลาที่ท่านได้รับใช้พระเจ้ามาเป็นเวลานาน เขียนขณะที่ท่านติดคุกที่กรุงโรม ก่อนจะถูกประหารชีวิต เพื่อจะกระตุ้นหนุนใจทิโมธี ลูกแห่งความเชื่อ และผู้รับใช้พระเจ้าทุกคนที่จะได้อ่านจดหมายฉบับนี้ในเรื่องการรับใช้พระเจ้า และการเป็นผู้รับใช้ที่ดีของพระเยซูได้ หนังสือนี้จึงเหมาะกับคริสเตียนทุกคนเพราะทุกคนเป็นปุโรหิต และถูกเรียกให้เป็นผู้รับใช้พระเจ้า ซึ่ง อ.เปาโลตระหนักถึงความสำคัญของการทรงเรียก 4 ประการ ดังนี้ ทรงเรียกให้มีสิทธิอำนาจ “จากเปาโล อัครทูตของพระเยซูคริสต์” อ.เปาโลเรียกตนเองในการขึ้นต้นจดหมายเสมอว่า “อัครทูตของพระเยซูคริสต์” ซึ่งการใช้ตำแหน่งอัครทูตนี้ เป็นการแสดงถึงสิทธิอำนาจของการรับใช้พระเจ้า (1คร.9:1) การเป็นอัครฑูต คือ ผู้ที่ได้รับสิทธิอำนาจจากพระเยซูคริสต์ในประกาศข่าวประเสริฐ สั่งสอนคนทั้งหลายให้ติดตามพระเยซูแทนพระองค์ (กท.1:1) อ.เปาโลตระหนักถึงความสำคัญของการทรงเรียกจากพระเจ้าว่า…
อพยพ 3 : 1 – 10 “ฝ่ายโมเสสเมื่อเลี้ยงฝูงแพะแกะของเยโธรพ่อตาผู้เป็นปุโรหิตของคนมีเดียน ได้พาฝูงแพะแกะไปทางตะวันตกของถิ่นทุรกันดาร จนมาถึงภูเขาของพระเจ้าคือ โฮเรบ ทูตของพระเจ้าก็ปรากฏแก่โมเสสท่ามกลางพุ่มไม้เป็นเปลวไฟ โมเสสมองดู เห็นพุ่มไม้นั้นมีไฟลุกโชนอยู่ แต่มิได้ไหม้โทรมไป…..ครั้นพระเจ้าทอดพระเนตรเห็นเขาเดินเข้ามาดู จึงตรัสออกมาจากพุ่มไม้นั้นว่า “โมเสส โมเสสเอ๋ย…..พระเจ้าตรัสว่า “เราเห็นความทุกข์ของประชากรของเราที่อยู่ในประเทศอียิปต์แล้ว……เราลงมาเพื่อจะช่วยเขาให้รอดจากมือชาวอียิปต์ และนำเขาออกจากประเทศนั้น ไปยังแผ่นดินที่อุดมกว้างขวาง เป็นแผ่นดินที่มีน้ำนม และน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์…… เราจะใช้เจ้าไปเฝ้าฟาโรห์ เพื่อจะได้พาประชากรของเราคือชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์” พระเจ้าทรงเรียกผู้รับใช้ของพระองค์เพื่อให้พันธกิจของพระองค์สำเร็จในโลกนี้่ พระองค์ทรงเรียกมนุษย์ให้มารับหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำพาให้มนุษย์ชาติทั้งหลายได้พ้นจากความบาป และกลับมาสู่ความบริสุทธิ์อีกครั้งหนึ่ง พระเจ้าทรงมีตระเตรียมแผนการที่ดีและวางแผนอย่างเหมาะสมในการเลือกสรรบุคคลที่จะเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์ทรงเรียกมนุษย์ให้มาเป็นผู้รับใช้และร่วมงานกับพระองค์ตามสถานภาพที่เขาเป็นอยู่ เหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงเรียกโมเสสในขณะที่เขากำลังเลี้ยงฝูงแกะฝูงแพะ ซึ่งนั่นคืออาชีพหลักของเขา ถ้าหากพระเจ้าทรงมีพระประสงค์ที่จะเรียกเราให้เป็นผู้รับใช้และร่วมงานกับพระองค์ พระองค์ก็จะทรงเรียกเราได้ทั้งโดยเหตุการณ์ที่เป็นอัศจรรย์เหนือธรรมชาติ และโดยเหตุการณ์ปกติทั่วไป โดยที่พระวิญญาณของพระเจ้าจะทรงตรัสผ่านจิตใจของเราให้สำนึกถึงพระคุณของพระองค์ ความรู้สึกที่ร้อนรนจะนำข่าวประเสริฐไปบอกให้คนอื่นได้รับรู้ถึงพระคุณของพระองค์ ความรู้สึกนี้จะบังเกิดขึ้นเองด้วยแรงกระตุ้นภายในที่มาจากการเชื่อในพระวจนะของพระองค์ ดังนั้นมนุษย์เองจึงจะต้องเป็นผู้เลือกว่าจะตอบสนองต่อการทรงเรียกนั้นอย่างไร. พระเจ้าทรงรู้จักเราแต่ละคนเป็นอย่างดีตั้งแต่เรายังไม่ก่อกำเนิดด้วยซ้ำ พระองค์ทรงตระเตรียมชีวิตของเราแต่ละคนอย่างเฉพาะเจาะจงมิใช่เพื่อประโยชน์ของเราเอง แต่เพื่อแผนการของพระองค์ที่ตระเตรียมเอาไว้สำหรับโลกนี้ พระองค์ทรงประทานมนุษย์แต่ละคนไว้เพื่องานของพระองค์ในโลกนี้ซึ่งแต่ละคนนั้นไม่มีใครสามารถทดแทนกันได้ แต่จะเป็นการทำงานที่ประสานกันเป็นกายเดียวกัน เหมือนที่พระเจ้าทรงเรียกโมเสสเพื่ือนำชนชาติอิสราเอลออกมาจากอิยิปต์ แต่โมเสสก็ไม่ได้รับการทรงเรียกให้เป็นมหาปุโรหิต ดังนั้นในฐานะผู้เชื่อจะต้องแสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้าที่ทรงมีต่อชีวิตของเรา เพื่อการรับใช้พระองค์ในโลก และนำความรอดไปสู่โลกที่มืดมนไปด้วยความบาปและกำลังจะพินาศนี้ โมเสสได้รับการทรงเรียกมาเป็นผู้รับใช้และร่วมงานกับพระองค์โดยเฉพาะ เพื่อการแบ่งแยกที่บริสุทธิ์ ซึ่งไม่ได้หมายเพียงว่าการปราศจากมลทินจากความชั่วร้ายเท่านั้น แต่ยังหมายถึงเป็นการสำแดงความบริสุทธิ์ของพระเจ้าด้วย ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าโมเสสมีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระเจ้าเท่านั้น มิใช่มีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง ผู้เชื่อทุกคนได้รับการทรงเลือกและเรียกจากพระเจ้าเขาจะไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองแต่เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า …