ความรัก-หัวใจ-อากาเป

พลังรักแบบ ‘อากาเป’

AGAPE (อากาเป) คือ ความรักแบบพระเจ้า มีลักษณะดังนี้คือรักที่บริสุทธิ์ รักที่ไม่มีเงื่อนไข รักที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน รักที่ให้คุณค่าผู้อื่น รักที่เห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่น รักที่ยอมเสียสละ ขอนำ คำว่า “AGAPE” ในภาษาอังกฤษ มาใช้เป็น หลัก 5 ประการ เพื่อการดำเนินชีวิตตามวิถีของพระเจ้า ซึ่งจะครอบคลุม ความคิด อารมณ์ และการกระทำ ที่จะช่วยทำให้ครอบครัวของเรา เป็นอิสระจากความทุกข์ เพราะความกังวลใจ และจะช่วยทำให้ชีวิตครอบครัวของเรา มีความสมดุล A = Acknowledge คือ การรับรู้ ถึงคุณค่ายิ่งใหญ่แห่งความรักของพระเจ้าเสมอ ไม่ว่าเราจะคิด หรือทำอะไรอยู่ เราต้องรับรู้ว่า พลังแห่งความรักพระเจ้าทรงคุณค่ายิ่งใหญ่ ทรงพระชนม์อยู่ และทรงอยู่กับเราเสมอ เราควรจำนนชีวิตให้พระองค์เข้ามามีส่วนร่วมในครอบครัวทุกด้าน เพื่อเราจะดำรงชีวิตอยู่ในน้ำพระทัยพระเจ้าเหมือนอย่างพระเยซู ดังที่พระองค์ทรงอธิษฐานต่อพระบิดาว่า “…ถ้าพระองค์พอพระทัย…อย่าให้เป็นไปตามใจข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์เถิด” – ลูกา 22:42 เพราะ ความรักที่เรามีต่อพระเจ้า คือ การทำตามพระทัยของพระบิดาในสวรรค์ (1 ยน.2:15-17) “อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก ถ้าใครรักโลก ความรักของพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้น เพราะว่าทุกสิ่งที่อยู่ในโลก คือตัณหาของเนื้อหนังและตัณหาของตา และความทะนงในลาภยศไม่ได้มาจากพระบิดา…

ไม้กางเขน-พระคริสต์สิ้นพระชนม์

พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อให้มนุษย์ได้รับชีวิต

“ความรักที่ข้าพเจ้าพูดถึงนี้ไม่ใช่ที่เรารักพระเจ้า แต่ที่พระองค์ทรงรักเรา และทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา เพื่อเป็นเครื่องบูชาลบบาปของเรา” – 1 ยอห์น 4:10 ซาตานได้ประกาศว่าจะไม่มีมนุษย์แม้แต่เพียงคนเดียวที่สามารถรักษาพระบัญญัติของพระเจ้าด้วยความสัตย์ซื่อได้ แต่ทว่าถ้าแม้นมีจิตวิญญาณเพียงดวงเดียวที่สามารถกระทำได้ก็ย่อมแสดงออกมาแล้วว่าสิ่งที่ซาตานกล่าวนั้นเป็นความเท็จ จิตวิญญาณแม้เพียงดวงเดียวที่ได้รับความรอดย่อมเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความชอบธรรมที่มาจากการปกครองของพระเจ้า พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ในพระฉายาของพระองค์ มนุษย์จะต้องไม่ถูกนำไปอยู่ภายใต้การปกครองของซาตานและถูกทำลาย พระเยซูคริสต์ได้เสด็จลงมาในโลกนี้ด้วยชีวิตที่สำแดงถึงความเชื่อฟัง และพิสูจน์ให้เห็นว่ามนุษย์สามารถเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้าได้ พระองค์ได้ทรงลบล้างความผิดบาปที่อยู่บนมนุษย์ผู้เป็นคนบาป และมนุษย์ผู้เป็นคนบาปสามารถยืนอยู่ต่อเบื้องพระพักตรของพระเจ้าได้โดยการสวมเสื้อคลุมแห่งความชอบธรรมพระองค์เอาไว้ และพระองค์ทรงสวมเสื้อคลุมแห่งความทุกข์ระทมเอาไว้ “โอพระบิดาของข้าพระองค์ ถ้าเป็นได้ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด แต่อย่างไรก็ดี อย่าให้เป็นไปตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์” – มัทธิว 26:39 ผู้ใดจะสามารถหยั่งรู้ถึงความทุกข์ระทมที่พระคริสต์ทรงได้รับในขณะอยู่ที่สวนเกเสมาเนได้ พระองค์กำลังทรงเป็นผู้แบกรับน้ำหนักแห่งความผิดบาปทั้งหมดของโลกนี้เอาไว้ ในขณะนั้นพระองค์รู้สึกได้ถึงความบาปผิดที่ตกทับอยู่ที่พระองค์ในขณะที่พระองค์ทำได้เพียงร้องคร่ำครวญจนทั่วทั้งสวรรค์ได้ยินถึงเสียงร้องอันทุกข์ทรมานนั้น “โอพระบิดาของข้าพระองค์ ถ้าเป็นได้ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด แต่อย่างไรก็ดี อย่าให้เป็นไปตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์” – มัทธิว 26:39 ซึ่งขณะนั้นพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพก็กำลังทนทุกข์ทรมานร่วมไปกับพระบุตรของพระองค์ ขอให้เรายืนอยู่เบื้องหน้าที่กางเขนแห่งคาวารี และเรียนรู้จากราคาค่าแห่งการไถ่ให้รอด ซึ่งได้ทำให้ดวงใจที่บริสุทธิ์ต้องทุกข์ทรมานจนแตกสลายที่กางเขนแห่งคาวารี พระองค์ได้ทรงมองดูพระเจ้าเบื้องบนแล้วร้องขึ้นว่า “พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมพระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย?” – มัทธิว 27:46 ทูตแห่งสวรรค์ต่างโศกเศร้าด้วยความรักที่มีต่อองค์พระเยซูผู้เป็นเจ้านายของตน พวกเขายินที่จะลงมาทำลายพวกทหารและช่วยเหลือพระองค์ แต่นั่นไม่ใช่แผนการของพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดของเราจะต้องดื่มถ้วยแห่งความทุกข์ทรมานนั้นแต่เพียงลำพังโดยไม่มีผู้ใดที่จะอยู่เคียงข้างพระองค์ได้เลย “พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมพระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย?” -…

พระคริสต์-ทรงไถ่เรา

พระคริสต์ทรงช่วยเราด้วยเหตุใด?

“เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นผู้ดูแลรักษา แขนงทุกแขนงในเราที่ไม่ออกผล พระองค์ก็ทรงตัดทิ้งเสีย และแขนงทุกแขนงที่ออกผล พระองค์ก็ทรงลิด เพื่อให้ออกผลมากขึ้น” – ยอห์น 15:1, 2 เมื่อการทดลองมาสู่เรา อย่าให้เรามองดูความยากลำบากนั้นว่ายิ่งใหญ่จนทำให้เราไม่สามารถจะมีความชื่นชมยินดีในพระเจ้าได้ เป็นความจริงว่าจะต้องมีความรู้สึกที่แตกต่างไป จะมีเวลาที่มีกำลังใจและยามท้อถอย แต่ทว่าเราต้องพิจารณาว่าเราจะมีชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกหรือความเชื่อ เมื่อพี่น้องหรือเพื่อนของเราพูดจาอย่างไม่ระมัดระวัง เป็นเหตุให้เรารู้สึกวิตกกังวล แต่ก็อย่าให้เราต้องล้มลงหรือท้อถอย ขอให้เราจำไว้เสมอว่าเราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยการทดลองและความเจ็บปวด ซึ่งมีทั้งความเศร้าโศกและการผิดหวัง และเมื่อประสบการณ์เหล่านั้นมาถึงเราให้สิ่งเหล่านั้นผลักดันให้เรายิ่งเข้าใกล้พระคริสต์ ไม่ใช่ทำให้เราเหินห่างจากพระองค์ “พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์” – ยอห์น 3:16 เมื่อการทดลองทำให้เราต้องยอมแพ้ในเงื่อนไขที่ท้อใจและยากลำบาก ให้เราเรียนรู้ที่จะศึกษาถึงประสบการณ์ชีวิตของพระเยซูคริสต์ ซึ่งพระองค์ทรงมีอำนาจอันยิ่งใหญ่ที่จะต่อต้านพลังแห่งความมืดและพระองค์ก็ทรงได้รับชัยชนะ เราก็อยู่ในสงครามเดียวกัน และจะได้รับชัยชนะเหมือนกับพระองค์ “พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์” – ยอห์น 3:16 เป็นสิทธิพิเศษที่เราสามารถจับมืออันแข็งแกร่งของผู้ซึ่งสามารถช่วยเราให้รอดจากสิ่งต่างๆ และนำมาถึงพระเจ้าได้ พระองค์เรียกร้องให้เรานำเอาภาระปัญหาต่างๆ มาวางไว้ที่หน้าบัลลังก์แห่งพระกรุณา และมอบจิตวิญญาณที่ไม่สามารถช่วยตนเองได้ให้แก่พระองค์ สิ่งเลวร้ายไม่ใช่เรื่องน่ายินดี แต่อย่าลืมว่าพระคริสต์เสด็จเข้ามาในโลกของเราและในสภาพของความเป็นมนุษย์ พระองค์ทรงแบกรับความทุกข์ทรมานเหมือนดังเช่นเดียวกันกับที่มนุษย์ได้รับ และพระองค์ทรงเป็นตัวอย่างของความสัตย์ซื่อ ความอดทนภายใต้การทดลองทุกอย่าง พระเจ้าต้องการให้เราตระหนักว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวใหญ่ของมนุษยชาติ และเราต้องรับการทดสอบ “พวกเขาชนะพญามารด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดก และด้วยคำพยานของพวกเขาเอง” -…