The Truth ความจริงแห่งชีวิต 078. สติปัญญาจากเบื้องบน
078. สติปัญญาจากเบื้องบน
078. สติปัญญาจากเบื้องบน
1ยน.1:2-3 (และชีวิตนั้นได้ปรากฏ และเราได้เห็น และเป็นพยาน และประกาศชีวิตนิรันดร์นั้นแก่ท่านทั้งหลาย ชีวิตนั้นได้ดำรงอยู่กับพระบิดาและได้ปรากฏแก่เราทั้งหลาย) ซึ่งเราได้เห็นและได้ยินนั้น เราก็ได้ประกาศให้ท่านทั้งหลายรู้ด้วย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้ร่วมสามัคคีธรรมกับเรา เราทั้งหลายก็ร่วมสามัคคีกับพระบิดา และกับพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ ในหนังสือ 2 โครินธ์ 13:14 การสามัคคีธรรมอันสูงส่งและศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนี้ ถูกเรียกว่า “ความสนิทสนมซึ่งมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ” ในหนังสือกิจการ 2:42 การสามัคคีธรรมนี้ก็คือ “การสามัคคีธรรม ของพวกอัครทูต” และในหนังสือฟิลิปปี 2:1 การสามัคคีธรรมนี้ก็คือ “การมีความรักของพระวิญญาณ.” จากพระคำเหล่านี้ เรามองเห็นได้ว่า การสามัคคีธรรมอันศักดิ์สิทธิ์นี้นั้น เป็นของพระบิดา, พระบุตร, พระวิญญาณบริสุทธิ์, พวกอัครสาวก, และเหล่าผู้เชื่อทุกคน พวกเขาทุกคนล้วนมีความเกี่ยวข้องอยู่ในการสามัคคีธรรมนี้. การสามัคคีธรรมนี้มีความเกี่ยวข้องกับบุคคลมากมายดังนั้นการสามัคคีธรรมนี้จึงมีลักษณะร่วมจิตใจซึ่งกันและกัน เป็นไปไม่ได้ที่คนๆ เดียวจะมีการสามัคคีธรรมนี้ด้วยตัวเอง เพราะแม้ว่าการสามัคคีธรรมนี้จะมีหนึ่งเดียวแต่ก็มีความเกี่ยวข้องกับบุคคลมากมายร่วมกัน การสามัคคีธรรมคือ การแบ่งปันชีวิตซึ่งกันและกัน และชีวิตนั้นเป็นชีวิตนิรันดร์ที่มีอยู่ภายในผู้เชื่อทุกคน ซึ่งต่างก็ได้รับเอาและมีชีวิตแห่งองค์พระเยซูคริสต์อยู่ภายใน. … ซึ่งโดยการแบ่งปันและเป็นพยานซึ่งกันและกันของผู้ชอบธรรมเหล่านี้ รวมถึงการสามัคคีธรรมของผู้เชื่อทุกคนด้วยเหตุนี้เองจึงสามารถรักษาความเป็นหนึ่งในพระคริสต์ร่วมกันไว้ได้ หนังสือ 1 ยอห์น 1:2-3 และข้อ 6-7 เปิดเผยว่าการสามัคคีธรรมของชีวิตที่อยู่ในพระเจ้านั้น…
ฮบ.1:1-2 ในโบราณกาลพระเจ้าได้ตรัสด้วยวิธีต่างๆมากมายแก่บรรพบุรุษของเราทางพวกผู้เผยพระวจนะ แต่ในวาระสุดท้ายนี้พระองค์ได้ตรัสแก่เราทั้งหลายทางพระบุตร ผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงตั้งให้เป็นผู้รับสรรพสิ่งทั้งปวงเป็นมรดก พระองค์ได้ทรงสร้างกัลปจักรวาลโดยพระบุตร กจ.2:42 เขาทั้งหลายได้ขะมักเขม้นฟังคำสอนของจำพวกอัครทูตและร่วมสามัคคีธรรม ทั้งขะมักเขม้นในการหักขนมปังและการอธิษฐาน คำสอนของอัครทูตก็คือ สิ่งที่พระเยซูได้ทรงตรัสไว้ทั้งหมดของพระองค์. พันธสัญญาใหม่ทั้งหมดก็คือคำสอนของอัครทูตที่พระเจ้าทรงตรัสผ่านนั่นเอง และวันนี้พระเจ้าก็ยังทรงตรัสอยู่. เรื่องที่พระเจ้าทรงตรัสนั้นมีมากมาย. หนังสือฮีบรู 1:1-2 “กล่าวว่า “ในโบราณกาลพระเจ้าได้ตรัสด้วยวิธีต่างๆมากมายแก่บรรพบุรุษของเราทางพวกผู้เผยพระวจนะ แต่ในวาระสุดท้ายนี้พระองค์ได้ตรัสแก่เราทั้งหลายทางพระบุตร…” วันนี้พระเจ้าทรงตรัสแก่เราผ่านทางพระบุตร. พระเจ้ามิได้ตรัสแก่เราในวิธีทางอื่น แม้พระองค์ตรัสผ่านทางผู้เผยพระวจนะแต่นั่นก็คือการที่พระบุตรของพระเจ้าทรงใช้นั่นเอง…. พันธสัญญาใหม่นั้นมีลักษณะที่พิเศษจากข้อความนี้เราก็สามารถตระหนักว่า การตรัสของพระเจ้าในพันธสัญญาใหม่นั้นเกิดขึ้นโดยวิธีการที่พระเยซูทรงบังเกิดมาเป็นมนุษย์นั่นเอง. การบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระเยซูนั้นได้บันทึกไว้ในหนังสือกิตติคุณทั้งสี่เล่ม. พระเยซูผู้ทรงตรัสไว้ในหนังสือกิตติคุณทั้งสี่เล่มก็คือ พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าที่แท้จริง และพระบุตรของพระเจ้าผู้นี้ก็คือตัวของพระเจ้าเอง. ดังนั้นเราจึงกล่าวได้ว่าการตรัสขององค์พระเยซูเจ้า ก็คือการตรัสของพระเจ้า ที่อยู่ในพระองค์ในฐานะที่ทรงเป็นมนุษย์ในหนังสือกิตติคุณสี่เล่ม (ยน.14:10; 5:24; มธ.28:19-20). หนังสือยอห์น 14:10 กล่าวว่า “ท่านไม่เชื่อหรือว่า เราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาทรงอยู่ในเรา คำซึ่งเรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายนั้น เรามิได้กล่าวตามใจชอบ แต่พระบิดาผู้ทรงสถิตอยู่ในเรา ได้ทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์.” ….เรากับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (ยน.10:30). ขณะที่พระบุตรทรงตรัสพระบิดาก็ทรงตรัสด้วย. พระบิดาทรงตรัสอยู่ภายในของพระบุตรนั้น. การตรัสของพระบิดาไม่ได้หยุดลงในหนังสือกิตติคุณสี่เล่ม. พระองค์ยังทรงตรัสในพระบุตร ในฐานะที่ทรงเป็นพระวิญญาณโดยเหล่าอัครทูต ตั้งแต่หนังสือกิจการไปถึงหนังสือวิวรณ์ (ยน.16:12-15; วว. 2:1, 7; 1คร.…
กิจการ 1 : 4 – 8 “เมื่อพระองค์ได้ทรงพำนักอยู่กับอัครทูต จึงกำชับเขามิให้ออกไปจากกรุงเยรูซาเล็ม แต่ให้คอยรับตามพระสัญญาของพระบิดา คือพระองค์ตรัสว่า “ตามที่ท่านทั้งหลายได้ยินจากเรานั่น แหละ 5 เพราะว่ายอห์นให้รับบัพติศมาด้วยน้ำ แต่ไม่ช้าไม่นานท่านจะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์” 6 เมื่อเขาทั้งหลายได้ประชุมพร้อมกัน เขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์จะทรงตั้งราชอาณาจักรขึ้นใหม่ ให้แก่ชนอิสราเอลในครั้งนี้หรือ” 7 พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “ไม่ใช่ธุระของท่าน ที่จะรู้เวลาและวาระซึ่งพระบิดาได้ทรงกำหนดไว้ โดยสิทธิอำนาจของพระองค์ 8 แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก การปลดเปลื้องความบาป การปลดปล่อยชีวิตจากความมลทิน การแบ่งปันแก่ผู้ยากไร้และด้อยโอกาสกว่า ฯลฯ เหล่านี้เป็นพันธกิจฝ่ายวิญญาณ แม้ว่าการแจกทานที่ปรากฏในพระธรรมกิจการบทที่ 6 “ฝ่ายอัครทูตทั้งสิบสองคนจึงเรียกบรรดาศิษย์ให้ประชุมกัน แล้วกล่าวว่า “ซึ่งเราจะละเลยพระวจนะของพระเจ้า มัวไปแจกอาหารก็หาควรไม่ 3 เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลายจงเลือกเจ็ดคนในพวกท่าน ที่มีชื่อเสียงดีประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และสติปัญญา เราจะตั้งเขาให้ดูแลการงานนี้” กิจการ 6 : 3 – 4 ก็ยังจำเป็นต้องเลือกสรรผู้ที่ทำการที่ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์…