ปอดครั้งที่ 4

เราได้เคยพูดคุยถึงความสำคัญของปอดและการหายใจไปแล้ว ท่านผู้ฟังจำได้ไหมคะว่า การหายใจที่ถูกต้องนั้น ต้องเป็นอย่างไร……     ใช่แล้วค่ะ การหายใจที่ถูกต้องนั้น ขณะเราหายใจเข้า ท้องจะป่องออก แล้วท้องจะแฟบหรือยุบลงขณะที่เราหายใจออก ถ้าเราหายใจไม่ถูกต้องหรือไม่เพียงพอจะเกิดผลกระทบด้านลบต่อร่างกายของเราค่ะ ดังที่บันทึกไว้ใน หนังสือ สุขอนามัยกับความผาสุข หน้า 272 ขออนุญาตอ่านให้ฟังนะคะ “ผิวหนังจะเหี่ยวย่น การย่อยอาหารจะช้าลง หัวใจห่อเหี่ยว สมองขุ่นมัว ทำให้ความคิดต่างๆ สับสน จิตวิญญาณจะพบแต่ความมืดมน ระบบทั้งหมดห่อเหี่ยวลงและไม่มีความกระตือรือร้น และมีโอกาสป่วยเป็นโรคต่างๆ ได้ง่าย” จากข้อมูลที่อ่านไป เราจะเห็นว่า เมื่อเราหายใจไม่เพียงพอ จะส่งผลต่อหลายระบบของร่างกาย เช่น ระบบย่อยอาหาร ระบบประสาท ระบบหัวใจ ระบบภูมิต้านทาน และยังมีผลต่อจิตใจและจิตวิญญาณอีกด้วย . ถ้าเช่นนั้น เรามาช่วยกันฟังดูนะคะว่า มีอะไรบ้างที่เป็นสาเหตุทำให้เราหายใจไม่ถูกต้องหรือไม่เพียงพอ ขอแบ่งเป็น 4 ข้อใหญ่ๆ ค่ะ หายใจน้อยหรือหายใจตื้น (เครียด) เช่น การหายใจในขณะมีความเครียดต่อเนื่องนานๆ อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีอากาศไม่บริสุทธิ์ เช่นมีควัน หรือมีผู้สูบบุหรี่ หรืออยู่ในห้องที่มีคนจำนวนมาก เช่นโรงภาพยนตร์ มีท่าทางไม่เหมาะสม เช่น…

ปอด ครั้งที่ 3

หายใจเข้า หายใจออก หายใจเข้า หายใจออก การหายใจที่ถูกต้องนั้น เวลาหายใจเข้า ท้องจะป่องออก เพราะช่องปอดขยาย ดันกระบังลมเข้ามาสู่ช่องท้อง ท้องจึงป่องออก ส่วนในขณะหายใจออกนั้น ท้องจะต้องแฟบหรือยุบลงค่ะ เพราะกระบังลมกลับมาคืนที่และดันลมในช่องปอดออกไปพร้อมกับลมหายใจ ทบทวนกันอีกครั้งนะคะ หายใจเข้าท้องป่อง หายใจออกท้องแฟบค่ะ ตอนนี้เราจะหายใจไปพร้อมๆ กันนะคะ ขอให้ท่านผู้ฟังวางมือประสานที่หน้าท้อง หายใจเข้าช้าๆ นะคะ หัวไหล่อยู่นิ่งๆ ไม่ต้องขยับค่ะ ส่วนท้องนั้นต้องป่องออกนะคะ ดีมากค่ะ ต่อไปหายใจออกนะคะ ท้องจะแฟบลง มือจะลดตามลงไปด้วย …… หายใจเข้าค่ะ ช้าๆ เต็มที่นะคะ  หายใจออกค่ะ  ดีมากค่ะ เราพบว่า การหายใจลึกๆ จะให้ประโยชน์แก่ร่างกายดังนี้ ค่ะ ช่วยให้นอนหลับได้ลึกยิ่งขึ้น ช่วยป้องกันการติดเชื้อในระบบหายใจ ทำให้สมองแจ่มใสจากการที่ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย ขอให้สำรวจหมั่นเตือนตนเอง ให้หายใจเข้าออกลึกๆ ไม่ว่าจะเป็นในขณะออกกำลังกาย หรือแม้แต่ขณะนั่งทำงาน การหายใจลึกๆ ช่วยนำออกซิเจนเข้าสู่สมอง ทำให้เราทำงานได้ดีขึ้น และยังช่วยผ่อนคลายความเครียดอีกด้วย สำหรับท่านผู้ฟังที่ทำงานในห้องแอร์ ก็อย่าลืมออกไปสัมผัสกับอาการบริสุทธิ์ภายนอกบ้างนะ เช่นอยู่ใต้ต้นไม้ในเวลากลางวัน หรืออาจจะแง้มหน้าต่างๆไว้นิดๆ เพื่อให้อากาศในห้องมีการหมุนเวียน…

ปอด ครั้งที่ 2

เราทุกคนปฏิเสธไม่ได้ว่า การหายใจมีความสำคัญสำหรับมนุษย์ในการมีชีวิตอยู่  การหายใจมีผลต่อร่างกาย ทำให้ได้รับแก๊สออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ของร่างกาย ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือ ทำให้เลือดบริสุทธิ์ เพราะเลือดเปลี่ยนจากเลือดดำซึ่งมีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์มาก กลายมาเป็นเลือดแดงซึ่งเป็นเลือดที่มีแก๊สออกซิเจนมาก  การหายใจยังช่วยในการสร้างพลังงานของร่างกาย เพราะการที่ร่างกายจะสร้างพลังงานขึ้นมาได้นั้น จำเป็นต้องใช้ออกซิเจน ดังนั้นโดยสรุปแล้ว การหายใจทำให้เลือดบริสุทธ์ ทำให้เกิดพลังงานและยังทำให้ร่างกายแข็งแรงทำงานได้เป็นปกติอีกด้วย ในหนังสือ Heavenly Places หน้า 83 ได้เปรียบเทียบความสำคัญของการหายใจกับความสำคัญของการอธิษฐานไว้อย่างน่าฟัง ดังนี้ค่ะ “การอธิษฐานเป็นลมหายใจของจิตวิญญาณ เป็นเคล็ดลับของอำนาจฝ่ายจิตวิญญาณ” เมื่อเราอธิษฐาน การอธิษฐานมีผลต่อจิตวิญญาณ ดังนี้ ชำระจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์ ทำให้เราได้รับพลังในการดำเนินชีวิตและต่อสู้การทดลอง มีการดำเนินชีวิตที่ชอบธรรมและติดสนิทพระเจ้า ดังนั้นสำหรับคริสเตียนทุกคนแล้ว เราไม่สามารถขาดการอธิษฐานได้เช่นเดียวกับที่เราไม่สามารถขาดการหายใจได้ค่ะ ปอดของผู้ใหญ่มีปริมาตรจุอากาศได้ 6 ลิตรหรือประมาณ 6000 ซีซี อากาศในปอดประมาณ 1 ลิตรกว่าๆ หรือประมาณ 1000 ซีซี จะไม่เปลี่ยนแปลงหรือหมุนเวียนเลย อากาศส่วนนี้จะทำหน้าที่เป็นตัวค้ำจุนพยุงไว้ไม่ให้ถุงลมแฟบ ในภาวะปกติการหายใจเข้าออกแต่ละครั้ง จะมีอากาศผ่านเข้าออกประมาณ 500 ซีซี คืออากาศประมาณ 1 ใน 14 ส่วน ถ้าดูจากอากาศในปอดทั้งหมด 6000…

ปอด ตอนที่ 1

วันนี้เราจะมาคุยกันถึงปอดของเราค่ะ มนุษย์ทุกคนมีปอด 2 ข้างนะคะ ปอดมีลักษณะคล้ายฟองน้ำ เพราะประกอบด้วยถุงลมจำนวนมากมาอยู่รวมกัน ถุงลมมีลักษณะเป็นถ้วย คล้ายพวงองุ่น ภายในปกคลุมด้วยสาร ชื่อ surfactant ซึ่งช่วยไม่ให้ถุงลมยุบตัว ถุงลมมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.25-0.5 มม. ท่านผู้ฟังพอจะเดาได้ไหมคะว่า ร่างกายของเรามีถุงลมมากน้อยแค่ไหน ขอใบ้ว่าเป็นหลักล้านค่ะ ค่ะ ปอด 1 ข้าง มีถุงลม ~ 300-400 ล้านถุง ถ้านำถุงลมทุกถุงมาคลี่ออกเรียงต่อกันจะได้พื้นที่ผิว 70-80 ตารางเมตร เมื่อเรามาพิจารณาถุงลม 1 ถุง เราจะพบว่า ถุงลมมีผนังบางมาก และสัมผัสโดยตรงกับหลอดเลือดฝอยที่อยู่ล้อมรอบคล้ายใยแมงมุม เมื่อเราหายใจอากาศเข้าสู่ปอด แก๊สออกซิเจนจากอากาศจะถูกส่งไปยังถุงลม แล้วจะซึมผ่านผนังถุงลมเข้าไปยังหลอดเลือดฝอยและไปเกาะอยู่กับเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดแดงทำหน้าที่คล้ายรถขนส่ง บรรทุกแก๊สออกซิเจนพาไปส่งยังเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกาย ตอนนี้เลือดที่มีแก๊สออกซิเจนมากก็จะเป็นสีแดงสวยเชียวค่ะ เมื่อเม็ดเลือดแดงเดินทางไปถึงเซลล์เป้าหมาย ก็จะปล่อยแก๊สออกซิเจนให้แก่เซลล์ แล้วก็จะรับผู้โดยสารคนใหม่ ก็คือ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นของเสียที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาในเซลล์เข้ามาแทนที่นะคะ ตอนนี้เลือดจะมีสีค่อนข้างคล้ำออกจะดำๆ ไม่ใช่สีแดงสวยแล้วค่ะ เม็ดเลือดแดงจะพาแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์วิ่งไปตามหลอดเลือด กลับมายังเส้นเลือดฝอยที่อยู่รอบถุงลม หลังจากนั้นแก๊สคาร์บอดไดออกไซด์ก็จะซึมออกจากเส้นเลือดผ่านเข้าไปในถุงลมและถูกขับออกจากร่างกายในช่วงที่เราหายใจออกค่ะ การหายใจเช่นนี้เกิดขึ้นอยู่ตลอดทุกเวลา นาที โดยที่เราไม่รู้ตัวเลย…