ข่าวประเสริฐอันเป็นอมตะ

วิวรณ์  14 : 6    แล้วข้าพเจ้าได้เห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งเหาะไปในท้องฟ้า เพื่อประกาศข่าวประเสริฐอันเป็นอมตะแก่ชนชาวโลกทั้งปวง ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกชาติ ทุกภาษา 1 ยอห์น  4 : 7 – 8  ท่านที่รักทั้งหลาย ขอให้เรารักซึ่งกันและกัน เพราะว่าความรักมาจากพระเจ้า       และทุกคนที่รักก็บังเกิดมาจากพระเจ้า และรู้จักพระเจ้า ผู้ที่ไม่รักก็ไม่รู้จักพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก ข่าวประเสริฐที่พระเจ้าได้ทรงประทานให้กับมนษยชาติเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ในครั้งที่สอง  ได้ถูกบันทึกอยู่ในพระธรรมเล่มสุดท้ายในบทที่ 14  คือข่าวของทูตสวรรค์ทั้ง 3 องค์  การประกาศข่าวประเสริฐของทูตสวรรค์ในครั้งนี้สำคัญเป็นอย่างยิ่ง  เพราะเป็นการเตือนครั้งสำคัญที่พระเจ้าได้ทรงประทานผ่านทูตสวรรค์มาสู่พลไพร่ของพระองค์ในโลกนี้   ข่าวประเสริฐของพระเจ้านั้นครั้งนี้เป็นการสรุปรวมข่าวประเสริฐที่ได้ประกาศมาแล้วทั้งหมดในโลกนี้ให้รวบรวมเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวอย่างครบถ้วน   โดยไม่มีขาดตกบกพร่อง ทูตสวรรค์ได้ประกาศข่าวประเสริฐอันเป็นอมตะ   ซึ่งเป็นข่าวประเสริฐ (ข่าวดี)  ที่ได้ถูกประกาศมาตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงที่สุดปลาย  ซึ่งหมายความว่าข่าวประเสริฐนี้เป็นข่าวที่จะยังคงอยู่ตลอดไปไม่มีกาลเวลา ไม่มีที่สิ้นสุด  คำว่าอมตะนั้นหมายถึง “พระเจ้า”  เพราะพระเจ้าเท่านั้นทรงเป็นอมตะ  1 ทิโมธี 1 : 17  “พระเกียรติและพระสิริจงมีแด่พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระเจริญอยู่นิรันดร์ ผู้ทรงเป็นองค์อมตะ  ซึ่งมิได้ปรากฏพระองค์ ผู้ทรงเป็นพระเจ้าแต่องค์เดียวสืบๆไปเป็นนิตย์ อาเมน”  ดังนั้นข่าวประเสริฐอันเป็นอมตะนั้นจึงเป็นข่าวประเสริฐที่เกี่ยวข้องกับพระองค์โดยตรง   ซึ่งก็คือพระลักษณะของพระองค์ …

ทูตสวรรค์

ข่าวทูตสวรรค์สามองค์นั้นเที่ยงแท้

“และทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งซึ่งเป็นองค์ที่สามก็ตามไปประกาศด้วยเสียงดังว่า “ถ้าใครบูชาสัตว์ร้ายและรูปของมัน และรับเครื่องหมายของมันไว้ที่หน้าผากหรือที่มือของเขา คนนั้นจะต้องดื่มเหล้าองุ่นแห่งความกริ้วของพระเจ้าที่เทลงในถ้วยแห่งพระพิโรธของพระองค์โดยไม่เจือปนสิ่งใด และเขาจะถูกทรมานด้วยไฟและกำมะถัน ต่อหน้าบรรดาทูตสวรรค์บริสุทธิ์และเฉพาะพระพักตร์พระเมษโปดก”” – วิวรณ์ 14:9, 10 พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ที่จะเห็นงานของข่าวทูตสวรรค์สามองค์นี้ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง พระองค์ทรงให้ประกาศกับผู้คนทุกคนให้ได้รับรู้ในเรื่องนี้ และในชั่วอายุนี้พระองค์ประสงค์ที่จะให้การประกาศของพระองค์สำแดงออกในคริสตจักรของพระองค์ พระองค์ทรงร้องขอให้ผู้ชอบธรรมของพระองค์รวมตัวกันอย่างเข้มแข็ง และนำข่าวสารนี้ออกไปประกาศอย่างมุ่งมั่นด้วยความเชื่อ ความมั่นใจในความจริง และด้วยความชอบธรรมของพระองค์ “พระเนตรของพระยาห์เวห์อยู่ในทุกแห่งหน ทรงเฝ้าดูคนชั่วและคนดี” – สุภาษิต 15:3 ให้เรามุ่งมั่นที่จะทำงานของเราให้ก้าวหน้าโดยดำเนินตามความรู้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าทรงเข้าใจถึงความตั้งใจของทุกๆคน พระองค์ทรงมองเห็นอยู่เสมอรวมถึงการทรยศของบางคนด้วย พระองค์ทรงแนะนำและตักเตือนให้กลับใจ พระองค์ทรงเห็นถึงความเอาแต่ใจตนเองของมนุษย์โดยมนุษย์มักที่จะทำในสิ่งที่ล้ำหน้าพระองค์ซึ่งพวกเขาไม่ได้คิดว่า “พระเนตรของพระยาห์เวห์อยู่ในทุกแห่งหน ทรงเฝ้าดูคนชั่วและคนดี” – สุภาษิต 15:3 พระเจ้าทรงมองเห็นถึงวาระสุดท้ายของแผ่นดินโลก พระองค์ทรงมองเห็นทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์ พระองค์ทรงค้นดูในจิตใจของทุกคน เราจะยืนหยัดอย่างมั่นคงเมื่อยึดอยู่บนหลักการของพระคำของพระเจ้า จงจำไว้ว่าพระเจ้าทรงประทานความเข้มแข็งเพื่อให้เราได้พบกับประสบการณ์ใหม่ๆเสมอ ให้เรายังคงรักษาหลักการแห่งความชอบธรรมไว้ในชีวิตของเรา และดำเนินชีวิตไปด้วยความเข็มแข็งในพระนามของพระเจ้า เราจะต้องรักษาความเชื่ออันศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้อย่างมั่นคงด้วยการเรียนรู้และพิสูจน์โดยพระวิญญาณของพระเจ้า ซึ่งปรากฏอยู่ในประสบการณ์ชีวิตของเราตั้งแต่เริ่มต้นมาจนถึงปัจจุบัน การกระตุ้นให้ประชาชนตื่นขึ้นนั้นคือสิ่งที่สำคัญ ในเวลาที่เราดำรงชีวิตอยู่นี้เป็นเวลาที่เราจะต้องนำพวกเขาให้กลับเข้ามาอยู่ภายใต้หลักการของพระคริสต์ เมื่อพระเจ้าทรงอยู่ในธรรมชาติของความเป็นมนุษย์นั้น พระองค์ได้ทรงเปิดเผยธรรมชาติของพระองค์จากภายใน ไม่มีสิ่งใดที่จะปกปิดการปรากฏชัดนี้ได้ ให้เราพิจารณาดูเถิดว่าการปฏิเสธตนเอง และการเสียสละของพระองค์นั้นเป็นความจริงที่ปรากฏอยู่ในพันธกิจโลกนี้เช่นไร เราจะต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเองและเรียนรู้ที่จะเป็นแสงสะท้อนที่เหมือนกับพระองค์ เราไม่ต้องวิตกกังวลเกี่ยวกับความรับผิดชอบในความชอบธรรมของเรา แต่ให้เราดำเนินชีวิตของเราภายใต้การทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ แล้วชีวิตของเราจะกลายเป็นภาพสะท้อนของชีวิตของพระเจ้าอย่างแน่นอน Letter 66, August 28,…