The Truth ความจริงแห่งชีวิต 071. เราได้รับการทรงสถิตของพระเจ้า
071. เราได้รับการทรงสถิตย์ของพระเจ้า
071. เราได้รับการทรงสถิตย์ของพระเจ้า
กิจการ 1 : 4 – 8 “เมื่อพระองค์ได้ทรงพำนักอยู่กับอัครทูต จึงกำชับเขามิให้ออกไปจากกรุงเยรูซาเล็ม แต่ให้คอยรับตามพระสัญญาของพระบิดา คือพระองค์ตรัสว่า “ตามที่ท่านทั้งหลายได้ยินจากเรานั่น แหละ 5 เพราะว่ายอห์นให้รับบัพติศมาด้วยน้ำ แต่ไม่ช้าไม่นานท่านจะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์” 6 เมื่อเขาทั้งหลายได้ประชุมพร้อมกัน เขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์จะทรงตั้งราชอาณาจักรขึ้นใหม่ ให้แก่ชนอิสราเอลในครั้งนี้หรือ” 7 พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “ไม่ใช่ธุระของท่าน ที่จะรู้เวลาและวาระซึ่งพระบิดาได้ทรงกำหนดไว้ โดยสิทธิอำนาจของพระองค์ 8 แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก การปลดเปลื้องความบาป การปลดปล่อยชีวิตจากความมลทิน การแบ่งปันแก่ผู้ยากไร้และด้อยโอกาสกว่า ฯลฯ เหล่านี้เป็นพันธกิจฝ่ายวิญญาณ แม้ว่าการแจกทานที่ปรากฏในพระธรรมกิจการบทที่ 6 “ฝ่ายอัครทูตทั้งสิบสองคนจึงเรียกบรรดาศิษย์ให้ประชุมกัน แล้วกล่าวว่า “ซึ่งเราจะละเลยพระวจนะของพระเจ้า มัวไปแจกอาหารก็หาควรไม่ 3 เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลายจงเลือกเจ็ดคนในพวกท่าน ที่มีชื่อเสียงดีประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และสติปัญญา เราจะตั้งเขาให้ดูแลการงานนี้” กิจการ 6 : 3 – 4 ก็ยังจำเป็นต้องเลือกสรรผู้ที่ทำการที่ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์…
โรม 7 : 18 ด้วยว่าในตัวข้าพเจ้า คือในตัวของข้าพเจ้าไม่มีความดีประการใดอยู่เลย เพราะว่าเจตนาดีข้าพเจ้าก็มีอยู่ แต่ซึ่งจะกระทำการดีนั้นข้าพเจ้าหาได้กระทำไม่ ด้วยว่าการดีนั้นซึ่งข้าพเจ้าปรารถนาทำ ข้าพเจ้าไม่ได้กระทำ แต่การชั่วซึ่งข้าพเจ้ามิได้ปรารถนาทำ ข้าพเจ้ายังทำอยู่ ถ้าแม้ข้าพเจ้ายังทำสิ่งซึ่งข้าพเจ้าไม่ปรารถนาจะทำ ก็ไม่ใช่ตัวข้าพเจ้าเป็นผู้กระทำ แต่บาปซึ่งอยู่ในตัวข้าพเจ้านั่นเองเป็นผู้กระทำ ฟิลิปปี 2 : 13 เพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงกระทำกิจอยู่ภายในท่าน ให้ท่านมีใจปรารถนา ทั้งให้ประพฤติตามชอบพระทัยของพระองค์ กระบวนการทางความคิดของมนุษย์ได้ถูกปลูกฝังให้มีความเชื่อว่า มนุษย์สามารถกระทำในสิ่งต่างๆ ได้ ถ้าใช้ความพยายามมากเพียงพอ ด้วยความคิดลักษณะนี้จึงทำให้จิตใจของมนุษย์เองเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง ความเห็นแก่ตัว และการล่วงละเมิด แม้ว่าบ่อยครั้งที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานแต่ด้วยความไม่ยอมรับความจริงของชีวิต ทำให้มนุษย์พยายามค้นหาหนทางในการต่อสู้เพื่อให้พ้นจากสิ่งที่กดดันและบีบรัดด้วยตัวเองตลอดมา เหมือนดังคนที่ตกลงไปในบ่อทรายดูดยิ่งด้นรนเพื่อที่จะให้พ้นจากหล่มทราย แต่ก็กลับยิ่งทำให้ตนเองจมลึกลงไปทุกที แม้จะไม่ดิ้นรนหรืออยู่เฉย ๆ ก็ต้องจมลงไปในบ่อทรายลงไปเรื่อยๆ ความบาปทำให้เกิดผลในทางเลวร้ายต่อตัวของมนุษย์เองอย่างหาที่สุดมิได้ ชีวิตของเราตกต่ำลงไปโดยไม่มีหนทางที่จะก้าวพ้นจากทางแห่งความเลวร้ายนี้ได้ พระเยซูทรงตรัสเป็นครั้งแรกในการประกาศพระกิตติคุณของพระองค์ต่อชาวโลกว่า “จงกลับใจเสียใหม่” การกลับใจนี้มิได้หมายเพียงแค่การละเลิกจากการกระทำอันเป็นความผิดความบาป แต่การกลับใจนั้นยังหมายรวมถึง การยอมรับว่าตัวเองไม่มีความสามารถและพลังเพียงพอที่จะต่อสู้กับความบาปที่ทำให้ชีวิตของตนเองตกต่ำลงไปได้ “คนเอธิโอเปียเปลี่ยนวรรณะของตนเองได้หรือ หรือเสือดาวเปลี่ยนลายของมัน ถ้าได้แล้วเจ้าทั้งหลายผู้ที่เคยต่อการกระทำความชั่ว จะมากระทำความดีก็ได้” เยเรมีย์ บทที่ 13 : 23 มนุษย์นั้นพยายามจะจัดการชีวิตของตนเองและของผู้อื่นอยู่เสมอ อย่างไรก็ดีการจัดการเหล่านั้นกลับมักจะพบกับการล้มเหลวเสมอ ดังนั้นในขั้นตอนแรกที่จะทำให้เราสามารถกลับใจใหม่ได้ก็คือ “ต้องยอมรับว่าเราไม่สามารถควบคุมและจัดการกับชีวิตของเราได้อย่างแท้จริง”…